
ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ครั้งที่ 4/2568 โดยมี นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธาน ณ ห้องประชุม 801 ชั้น 8 อาคารสำนักงานใหญ่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบในหลักการ (ร่าง) โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนเป็นกรณีเร่งด่วน และเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ จำนวน 22,309 รายการ เป็นโครงการที่ผ่านการพิจารณากลั่นกรองและตรวจสอบโดยสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผ่านคณะกรรมการลุ่มน้ำเสนอความเห็น โดยทั้งหมดเป็นโครงการที่มีความพร้อมและสามารถดำเนินการได้ภายในช่วง 1 ปี ซึ่งหากดำเนินการแล้วเสร็จจะช่วยให้ประชาชนเข้าถึงระบบประปาและมีน้ำสะอาดใช้เพิ่มขึ้น 2.4117 ล้านครัวเรือน
ในส่วนพื้นที่ทำการเกษตรนอกเขตชลประทานที่มีโอกาสเกิดภัยแล้ง 22.36 ล้านไร่ ยังจะได้รับการพัฒนาเป็นพื้นที่การเกษตรที่มีแหล่งน้ำและระบบกระจายน้ำ 2.3 ล้านไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 9.08 ของพื้นที่ ส่วนพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมซ้ำซาก 13.25 ล้านไร่ จะได้รับการแก้ไขและบรรเทาน้ำท่วม 0.36 ล้านไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 4.74 ของพื้นที่ ประโยชน์จากโครงการฯ ยังสามารถลดการชะล้างพังทลายของดินได้ 0.18 ล้านไร่ เกิดการจ้างแรงงานกระจายไปตามภูมิภาคต่าง ๆ ประมาณ 250,000 คนต่อเดือน ครัวเรือนได้รับประโยชน์จากการพัฒนาด้านทรัพยากรน้ำ 3.374 ล้านครัวเรือน และมีมูลค่าผลกระทบทางเศรษฐกิจทั้งทางตรงและทางอ้อม 124,648.42 ล้านบาท โดยได้มอบหมายให้หน่วยงานผู้รับผิดชอบกำกับการดำเนินงานให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 อย่างเคร่งครัด
อีกทั้ง ที่ประชุมยังมีมติเห็นชอบการขอขยายระยะเวลาดำเนินงาน และเพิ่มกรอบวงเงินโครงการอ่างเก็บน้ำคลองโพล้ จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการสำคัญที่ช่วยสนับสนุนและรองรับการขยายตัว รวมถึงความต้องการใช้น้ำในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยมีความจำเป็นต้องขยายระยะเวลา ดำเนินการเดิม 4 ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 - 2568) เป็น 6 ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 - 2570) และขยายกรอบวงเงินงบประมาณจากเดิม 3,651.62 ล้านบาท เป็น 4,291.62 ล้านบาท พร้อมมอบหมายให้กรมชลประทานเร่งดำเนินการตามแผนอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์โดยเร็ว
รวมถึง ที่ประชุมได้พิจารณาการขออนุญาตการใช้น้ำประเภทที่สามตาม พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 ได้แก่ การใช้ทรัพยากรน้ำสาธารณะเพื่อกิจการขนาดใหญ่ที่ใช้น้ำปริมาณมาก หรืออาจก่อให้เกิดผลกระทบข้ามลุ่มน้ำ หรือครอบคลุมพื้นที่อย่างกว้างขวาง โดยเป็นคำขออนุญาตของกรมทรัพยากรน้ำ จำนวน 4 คำขอ และกรมชลประทาน 1 คำขอ ซึ่ง สทนช. ได้พิจารณากลั่นกรองและตรวจสอบแล้วว่ามีความครบถ้วนและสอดคล้องตามที่กฎหมายกำหนด โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้กรมทรัพยากรน้ำและกรมชลประทานติดตามการใช้น้ำอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้ง ได้เห็นชอบในประเด็นสำคัญอื่น ๆ ได้แก่ การปรับปรุงแนวทางการจัดทำ แผนปฏิบัติการด้านทรัพยากรน้ำ ตาม พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำ จังหวัด และเห็นชอบผังน้ำเพิ่มเติม ได้แก่ ผังน้ำลุ่มน้ำสาละวินเพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษา และใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำต่อไป
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 27 พ.ค.นี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำในแหล่งน้ำผิวดิน เพื่อติดตามประเมินสถานการณ์ และกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหา ณ จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อแก้ไขปัญหามลพิษจากสารหนู-สารตะกั่วที่ลงสู่แม่น้ำกก จากการทำเหมืองทองในพื้นที่เพื่อนบ้าน อันเป็นปัญหาระหว่างประเทศ ซึ่งอาจต้องอาศัยกลไกความร่วมมือของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRC) และกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (LMC) เข้ามามีส่วนร่วมในการหาแนวทางแก้ไขร่วมกัน ขณะเดียวกัน รองนายกฯ ได้มอบหมายกรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล และองค์กรส่วนท้องถิ่น เร่งซ่อมแซมและปรับปรุงบ่อน้ำ ระบบประปาหมู่บ้านที่อยู่ในความรับผิดชอบให้พร้อมใช้งาน สามารถกักเก็บน้ำในฤดูฝนได้อย่างเพียงพอ เพื่อรับมือกับสถานการณ์ในช่วงฤดูฝนในปัจจุบัน และบริหารจัดการน้ำไม่ให้กระทบในช่วงฤดูแล้งถัดไป เพื่อช่วยลดผลกระทบต่อประชาชนและพื้นที่เศรษฐกิจต่าง ๆ ให้ได้มากที่สุด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“รมว.นฤมล”เร่งสำรวจความเสียหายโรงเรียน หลังน้ำท่วมหาดใหญ่ เตรียมเสนอ ครม.อนุมัติงบฟื้นฟูให้กลับมาเปิดเรียนโดยเร็ว ชี้ เด็กสามารถมาเรียนได้ โดยไม่ต้องใส่ชุดนักเรียน หลังทรัพย์สินเสียหายจากน้ำท่วม
เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม เวลา 15.40 น.ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ลงพื้นที่ตรวจสภาพความเสียหายบริเวณวงเวียนสายสงขลา–หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
Fix It Center เต็มกำลัง! “รมว.นฤมล”ตระเวนทั่วหาดใหญ่ตรวจความพร้อม กำชับ เร่งงาน รวดเร็ว ปลอดภัย และทั่วถึง ช่วยชาวบ้านซ่อมของเสียจากน้ำท่วม
เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วย นายสุเทพ แก่งสันเทียะ
'นฤมล' ยันดูแล 'นร.-ครอบครัว' ประสบภัยน้ำท่วมสำคัญสุด เร่งฟื้นฟูโรงเรียนทุกแห่ง กลับสู่ภาวะปกติ
‘รมว.นฤมล’ ลุยฟื้นหาดใหญ่หลังน้ำลด สั่งเร่งกู้โรงเรียนเสียหายหนัก ตั้ง 50 ศูนย์ Fix It ช่วยซ่อมของประชาชนกว่า 1 หมื่นคัน ย้ำ จะเคียงข้าง ปชช.จนกว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติ
ก.เกษตรฯ เยียวยาเกษตรกร 3 พันบาทต่อครัวเรือน เตรียมชง ครม. อนุมัติงบ 3 พันล้าน
รองโฆษกรัฐบาลเผย มาตรการเยียวยาครอบคลุมกว่า 1.07 ล้านครัวเรือน ทั้งพืช-ประมง-ปศุสัตว์ พร้อมเร่งจัดทำรายละเอียดเสนอ ร.อ.ธรรมนัส ก่อนนำเข้าสู่ ครม. พิจารณางบกลาง
“รมว.นฤมล”นำถก บอร์ด ก.ค.ศ. ไฟเขียว ย้ายครูปี 69 ไม่สะดุด ใช้เกณฑ์เดิม “ว 18/2566” ชั่วคราว ระหว่างพัฒนาระบบ TRS ระยะที่ 3 คุมเข้มการย้ายครู ต้องโปร่งใสทุกขั้นตอน
วันที่ 27 พ.ย. 2568 ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ 10/2568 ว่า จากการลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาและอุปสรรคของพี่น้องข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ผ่านมา การเก็บข้อมูลเชิงวิจัย รวมทั้งการหารือร่วมกับคณะกรรมการในที่ประชุม
‘รมว.นฤมล’ ระดมทุกวิทยาลัยลงพื้นที่ช่วยน้ำท่วมใต้-อพยพ-แจกอาหารน้ำ-เปิดศูนย์พักพิง พร้อมส่งทีม Fix It ฟื้นฟูหลังน้ำลด ส่งกำลังใจให้ชาวใต้และ จนท.สู้ไปด้วยกันจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในหลายจังหวัดภาคใต้ว่า กระทรวงศึกษาธิการได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และสั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) และสำนักงานอาชีวศึกษาจังหวัด (สอจ.) เร่งเข้าพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนโดยทันที พร้อมประสานงานกับหน่วยงานท้องถิ่นเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนอย่างเร่งด่ว


