สมาชิกสหกรณ์นิคมอ่าวลึก จำกัด เผยความสำเร็จจากโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มขนาดเล็กอันเนื่องมาจากพระราชดำริ พัฒนาสู่เชิงพาณิชย์ ผลิตไบโอดีเซล ต่อยอดเพิ่มมูลค่า ผลิตเวชสําอาง ลิปสติก โลชั่น จำหน่าย สร้างรายได้เสริมความมั่นคงทางเศรษฐกิจให้สมาชิก แม้ช่วงปาล์มน้ำมันราคาตก ผลิตไบโอดีเซลไม่คุ้มทุน ก็ยังมีรายได้
นายวิทยา คงปาน ประธานสหกรณ์นิคมอ่าวลึก จำกัด ตำบลคีรีวง อำเภอปลายพระยา จังหวัดกระบี่ เปิดเผยระหว่างร่วมต้อนรับ พลเอก กัมปนาท รุดดิษฐ์ องคมนตรี ประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ภาคใต้ พลเอก เฉลิมชัย สิทธิสาท องคมนตรี รองประธานอนุกรรมการฯ นายศุภรัชต์ อินทราวุธ รองเลขาธิการ กปร. พร้อมคณะอนุกรรมการฯ เดินทางมาเยี่ยมราษฎรในพื้นที่ ณ โครงการส่งเสริมอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มขนาดเล็กอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สหกรณ์นิคมอ่าวลึก จำกัด ตำบลคีรีวง อำเภอปลายพระยา จังหวัดกระบี่ เมื่อวันพุธที่ 23 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมาว่า องคมนตรีและคณะได้รับฟังสรุปผลการดำเนินงานโครงการฯ พร้อมให้ข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานโครงการฯ
“ปัจจุบันสหกรณ์นิคมอ่าวลึกมีสมาชิกกว่า 5,000 ราย จำนวน 2,000 กว่าครัวเรือน มีอาชีพปลูกปาล์มน้ำมันส่งผลผลิตให้แก่โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มของสหกรณ์ฯ เพื่อผลิตไบโอดีเซล ซึ่งขณะนี้มีกําไรกว่า 6 ล้านบาท โดยจะสรุปผลปลายปีอีกครั้ง คาดว่าจะมีผลกำไรเพิ่มขึ้น แม้ช่วงที่ราคาน้ำมันไบโอดีเซลต่ำกว่าต้นทุน 35 บาทต่อลิตร เราก็ยังสามารถบริหารจัดการให้มีรายได้ต่อเนื่อง ด้วยการผลิตสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มอย่างเวชสำอาง เช่น ลิปสติก โลชั่น ทำให้สมาชิกยังมีตลาดรองรับผลผลิต และโรงงานยังคงดำเนินงานได้อย่างไม่สะดุด โดยน้ำมันปาล์มแดงที่ได้จากผลปาล์มสด จะมีสีแดงธรรมชาติ อุดมไปด้วยวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินเอ (เบต้าแคโรทีน) และวิตามินอี (โทโคฟีรอล และโทโคไตรอีนอล มีคุณสมบัติช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส ” นายวิทยา คงปาน กล่าว
โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มสหกรณ์นิคมอ่าวลึก จำกัด ตำบลคีรีวง อำเภอปลายพระยา จังหวัดกระบี่ เป็นผลมาจากพระราชดำริที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ให้มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ดำเนินการศึกษาค้นคว้าวิจัยและพัฒนาโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มขนาดเล็กที่ใช้เงินลงทุนต่ำ เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรสวนปาล์มรายย่อยของประเทศ ได้มีโอกาสรวมกลุ่มกันสร้างโรงงานเพื่อสกัดน้ำมันปาล์มดิบจำหน่าย เมื่อปี 2526 ซึ่งต่อมาในปี 2529 สำนักงาน กปร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมดำเนินงานสนองพระราชดำริ ให้สหกรณ์นิคมอ่าวลึก จำกัด ดำเนินการก่อตั้งโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มขนาดเล็กอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ณ นิคมสหกรณ์อ่าวลึก เลขที่ 1 หมู่ที่ 3 ตำบลคีรีวง อำเภอปลายพระยา มีกำลังการผลิต 1 ตันทะลายต่อชั่วโมง และในปี 2543 ได้ย้ายสถานที่ตั้งโรงงานมาตั้ง ณ สหกรณ์นิคมอ่าวลึก จำกัด เลขที่ 62 หมู่ที่ 3 ตำบลคีรีวง อำเภอปลายพระยา จังหวัดกระบี่ และมีการปรับปรุงเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 2 ตันทะลายต่อชั่วโมง ปัจจุบัน สหกรณ์นิคมอ่าวลึก จำกัด มีสมาชิกจำนวนกว่า 5,000 คน จากพื้นที่อำเภอปลายพระยา จำนวน 12 หมู่บ้าน และพื้นที่อำเภออ่าวลึก จำนวน 5 หมู่บ้าน ส่วนใหญ่มีอาชีพทำการเกษตรปลูกปาล์มน้ำมัน นอกจากธุรกิจการแปรรูปน้ำมันปาล์มแล้ว สหกรณ์นิคมอ่าวลึกยังมีบริการรับซื้อผลปาล์มจากสมาชิก ธุรกิจสถานีบริการน้ำมัน จัดหาปุ๋ยและวัสดุทางการเกษตรจำหน่ายให้แก่สมาชิกสหกรณ์ในราคาประหยัดเพื่อช่วยลดต้นทุนการผลิตรวมถึงการจัดสรรเงินปันผลประจำปีให้แก่สมาชิก
ตลอดเวลากว่า 30 ปีที่ผ่านมา โรงงานแห่งนี้ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จากกำลังผลิตเริ่มต้น 1 ตันทะลายปาล์มต่อชั่วโมง ขยายเป็น 2 ตันทะลายปาล์ม และล่าสุดสามารถผลิตได้ถึง 8-12 ตันทะลายปาล์มต่อวัน อีกทั้งโรงงานต้นแบบเดิมในโครงการยังคงทำหน้าที่เป็นศูนย์เรียนรู้ด้านพลังงานทดแทน เปิดให้ผู้สนใจและนักเรียนเข้าศึกษาดูงาน เป็นอีกบทบาทหนึ่งของสหกรณ์ในการส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาท้องถิ่นอย่างยั่งยืน
“พวกเราภาคภูมิใจที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณให้เป็นพื้นที่ต้นแบบ จากจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ในวันนั้น สู่การเป็นธุรกิจเพื่อชุมชนที่มั่นคงในวันนี้” นายวิทยา คงปาน กล่าว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“นายธนชัย ชัยกิตติวนิช”พลิกโฉม“สมูทอี” ชูนวัตกรรมตอบโจทย์รุกคืบตลาดเวชสำอาง
คงต้องยอมรับว่า “สมูทอี” เป็น Medical Skincare หรือแบรนด์เวชสำอางที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคชาวไทยมากว่า 30 ปี โดยผลิตภัณฑ์สมูทอีวางจำหน่ายในเมืองไทยเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ.1991
กองทุนน้ำมันฯ เร่งศึกษาศักยภาพเชื้อเพลิงชีวภาพ ก่อนขยายระยะเวลาจ่ายเงินชดเชยต่อ
สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เตรียมรวบรวมข้อมูลทั้งไบโอดีเซลและเอทานอล จากผู้ประกอบการและเกษตรกรในการปรับตัวพัฒนาศักยภาพรองรับภายหลังการลดการจ่ายเงินชดเชยน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีส่วนผสมของเชื้อเพลิงชีวภาพตามกฎหมายกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2562 ซึ่งการขยายระยะเวลาจ่ายเงินชดเชยให้แก่น้ำมันเชื้อเพลิงที่มีส่วนผสมของเชื้อเพลิงชีวภาพรอบแรกจะสิ้นสุดวันที่ 24 กันยายน 2567
กองทุนน้ำมันฯชี้ช่องต่อเวลาชดเชยราคาน้ำมันที่ผสมพืชพลังงานอีก 2 ปี
สกนช.วุ่นจ่อขอรัฐต่อเวลาชดเชยราคาน้ำมันที่ผสมพืชพลังงาน อีก 2 ปี หวั่นประชาชนและเกษตรกรปรับตัวไม่ทัน พร้อมสรุปข้อมูลทำแผนยกเลิกอุดหนุนในอนาคต เหตุราคาสูง แนะหาตลาดใหม่ และนำเชื้อเพลิงชีวภาพไปผลิตไฟฟ้า-เวชภัณฑ์


