Meranti Green Steel รวมพลังผู้นำอุตสาหกรรมขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่เหล็กคาร์บอนต่ำของไทย

บริษัท เมอแรนติ กรีน สตีล (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในประเทศสิงคโปร์และมีฐานการดำเนินงานในประเทศโอมานและประเทศไทย จัดงานสัมมนา ที่โรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพฯ เพื่อสำรวจแนวทางการร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคอุตสาหกรรม และสถาบันการศึกษา ในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ “เหล็กคาร์บอนต่ำ” ของประเทศไทย โดย บริษัท เมอแรนติ กรีน สตีล (ประเทศไทย) จำกัด กำลังสร้างโรงงานเหล็กคาร์บอนต่ำแห่งแรกของประเทศไทยในจังหวัดระยอง ซึ่งออกแบบมาเพื่อบูรณาการ ห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืน เทคโนโลยีสมัยใหม่ พลังงานหมุนเวียน และความร่วมมือระหว่างประเทศเข้าด้วยกัน เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับฐานอุตสาหกรรมของประเทศ และผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นผู้นำด้านการผลิตเหล็กคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืนในระดับภูมิภาค

งานสัมมนาเรื่อง “การลดการปล่อยคาร์บอนในอุตสาหกรรมเหล็กของประเทศไทย” จัดขึ้นโดยมีหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และต่างประเทศเข้าร่วม อาทิ กระทรวงการต่างประเทศ, TDRI, องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก, สรท., สกพอ., บริษัทเหล็กและพลังงาน รวมถึงผู้แทนจากประเทศโอมานพิธีเปิด ดร.เซบาสเตียน แลนเกนดอฟ CEO ของ Meranti Green Steel กล่าวต้อนรับแขกผู้มีเกียรติ เช่น ฯพณฯ อาสา สารสิน, ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์, และ คุณอับดุล ราห์มาน โดยเน้นว่า ประเทศไทยมีแรงงานคุณภาพ โครงสร้างพื้นฐานแข็งแกร่ง และศักยภาพทางตลาดสูง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อการลงทุนของ Meranti Green Steel ในไทยดร.เซบาสเตียน แลนเกนดอร์ฟ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เมอแรนติ กรีน สตีล เปิดเผยว่า ประเทศไทยมี ความสามารถ, โครงสร้างพื้นฐาน, และตลาดปลายน้ำ ที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านการพัฒนา เหล็กคาร์บอนต่ำ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โรงงานของเราที่จังหวัดระยองจะผลิตเหล็กแผ่นคุณภาพสูง ด้วยกระบวนการที่ทันสมัย และขับเคลื่อนด้วย พลังงานสะอาด ซึ่งจะช่วยให้ผู้ผลิตชาวไทยก้าวไปข้างหน้าได้เร็วยิ่งขึ้น เราสามารถร่วมกันสร้างระบบนิเวศเหล็กคาร์บอนต่ำที่จะสนับสนุนการสร้างงาน ชุมชน และเศรษฐกิจที่สามารถแข่งขันได้

green steel เป็นเหล็กกล้าที่ผลิตโดยที่จะปล่อยซีโอทูน้อยกว่าคาร์บอนไดออกไซด์น้อยกว่า ซึ่งสำหรับบางทีคาร์บอนไดออกไซด์ที่น้อยกว่า คือ ลดลงไป 50% ขึ้นไป บางที 70% แต่สำหรับ เมอแรนติ กรีน สตีล ตั้งใจไว้ที่ 70% ถึง 90% ซึ่งมันก็จะเปลี่ยนมาปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์แค่ 200-600 กิโลต่อตันแทนที่สมัยก่อนจะเป็น 2300 กิโลต่อตันในเตาเผาแบบเดิม ซึ่งมันมีความสำคัญยังไงในแง่ของเรื่องกฎหมายการควบคุมก็คือ มันจะมีฟิล์มเวิร์กจากหลายหลายประเทศแล้วก็ตลาดที่เราส่งไป ที่จะมองว่าค่าคาร์บอนไดออกไซด์ ถือว่าเป็นต้นทุนอย่างหนึ่ง ยกตัวอย่างเช่นการส่งออกไปยังประเทศในกลุ่มยุโรปในปี 2026 ขึ้นไป จนถึง 10 ปี ข้างหน้ามันก็จะคิดค่าคาร์บอนไดออกไซด์

ยกตัวอย่างเช่น ในกรณีของรถ การผลิตรถมันก็คุ้มค่าที่จะใช้ green steel เพราะว่านอกจากมันจะลดคาร์บอนไดออกไซด์ฟุตพรินต์แล้ว มันจะช่วยลดค่าใช้จ่ายตัวนี้ในอนาคตด้วย ส่วนอีกข้อนึงก็คือ ผู้บริโภคเองก็ต้องการซื้อของที่รักสิ่งแวดล้อมมากขึ้น แล้วก็มีความยั่งยืนมากขึ้น เช่นในตัวอย่างของรถ EV พอพอลูกค้ารู้ว่าขั้นตอนการผลิต รถรวมถึงเหล็กกล้าที่ใช้ทำรถ มันมีการปล่อยซีโอทูเยอะ เขาก็พร้อมที่จะจ่ายเงินมากขึ้นเพื่อลดการปล่อยซีโอทู

หลักๆมี 2 อย่างคือ ตอนนี้เหล็กกล้าของไทยอยู่ในช่วงที่ต้องฟื้นฟูขึ้นมา เพราะสมัยก่อนเราเป็นผู้ส่งออกอันดับ 1 ตอนนี้เราเป็นอันดับ 4 ก็ต้องนำเข้าเหล็กคุณภาพสูงจากต่างประเทศ จะดีกว่าถ้าสามารถผลิตเหล็กคุณภาพสูงได้ภายในประเทศ ซึ่งจะช่วยส่งผลให้คนทางปลายน้ำได้ประโยชน์ด้วย อีกอย่างประเทศไทยมีโครงสร้างพื้นฐานที่เข้มแข็งอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นถนน ท่าเรือ ไฟฟ้า ซึ่งในเคสนี้คือตัว EEC จ.ระยอง ซึ่งจะไปตั้งที่ นิคมอุตสาหกรรมไออาร์พีซี และอีกอย่างคือผมชอบประเทศไทยเพราะคนไทยมีความสนใจในเรื่องของสิ่งแวดล้อม และเรื่องของความยั่งยืนและเรามีอินดัสทรี่ที่แข็งแรงอยู่แล้วเมอแรนติ กรีน สตีล ยังได้นำเสนอโมเดล “โซ่อุปทานสีเขียวสองประเทศ” ที่ผสานการผลิตและการแปรรูปอย่างยั่งยืน โดยบริษัทจะผลิตเหล็ก HBI (Hot Briquetted Iron) คาร์บอนต่ำที่ได้รับการรับรองในประเทศโอมาน — ซึ่งใช้พลังงานไฮโดรเจนสะอาด — แล้วนำมาผ่านกระบวนการผลิตขั้นสุดท้ายในไทย เพื่อสร้างเหล็กคุณภาพสูงและลดการพึ่งพาเศษเหล็ก (scrap) ในระบบ แนวทางนี้ไม่เพียงช่วยยกระดับมาตรฐานการผลิตในไทย แต่ยังเปิดทางให้ประเทศกลายเป็น ฐานการผลิตเหล็กคาร์บอนต่ำระดับภูมิภาค ที่เชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานสะอาดระหว่างตะวันออกกลางและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

การขับเคลื่อนของเมอแรนติ ไม่ใช่แค่โครงการเอกชน แต่เป็นสัญญาณของ “จุดเริ่มต้นยุทธศาสตร์ใหม่” ไทยมีศักยภาพด้าน พลังงานหมุนเวียนและโครงสร้างพื้นฐาน ที่พร้อมสนับสนุน H₂-DRI + EAF ภาครัฐมีนโยบายส่งเสริมพลังงานสะอาด (Green PPAs, Tax Incentives, Net-Zero Roadmap) ตลาดโลกมีแนวโน้ม ต้องการเหล็กที่ได้รับการรับรอง (Certified Green Steel) เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หากไทยสามารถรวมพลังจากทุกภาคส่วน และพัฒนา มาตรฐานเหล็กคาร์บอนต่ำระดับประเทศ ได้สำเร็จ ประเทศไทยจะไม่เพียงลดการปล่อยคาร์บอน แต่ยังสร้าง “จุดยืนใหม่ในห่วงโซ่อุปทานโลก” ได้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษ โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจแบบคาร์บอนต่ำ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งในการรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในระยะยาว

หลังจากนั้นเป็นการนำเสนอข้อมูลด้านเทคนิคจากกลุ่มบริษัท ดานิลี่ (Danieli Co., Ltd.) , TDRI และ เมอแรนติ กรีน สตีล ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความร่วมมือจะสามารถขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่การผลิตเหล็กคาร์บอนต่ำของประเทศไทยได้อย่างไร โดย ดานิลี่ ได้นำเสนอความก้าวหน้าในการผลิตเตาหลอมไฟฟ้า (Electric Arc Furnace) และการติดตามการปล่อยคาร์บอน (Carbon-Tracking) ส่วน TDRI เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการขยายการเข้าถึงพลังงานสะอาดผ่านกลไกการเข้าถึงโครงข่ายไฟฟ้าโดยบุคคลที่สาม (Third-Party Access) และสัญญาซื้อขายไฟฟ้าสีเขียว (Green PPAs) และเมอแรนติ กรีน สตีลได้นำเสนอรูปแบบการดำเนินงานของบริษัท โดยจะทำการผลิตเหล็ก HBI คาร์บอนต่ำที่ได้รับการรับรอง (certified green HBI) ในประเทศโอมาน และนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เหล็กขั้นสุดท้ายในประเทศไทย แนวทางดังกล่าวช่วยเสริมศักยภาพผู้ผลิตในประเทศ ด้วยการผลิตเหล็กคุณภาพสูงขึ้น ลดความต้องการใช้เศษเหล็ก และสร้างโครงสร้างพื้นฐานร่วมกัน รวมถึงการสร้างงานที่ต้องใช้ทักษะสูง

การเสวนาหัวข้อ “เหล็กคาร์บอนต่ำในประเทศไทย: ขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ ความยั่งยืน และความสามารถในการแข่งขันระดับนานาชาติ”  ซึ่งมีเอกอัครราชทูตนงนุช เพ็ชรรัตน์ เป็นผู้ดำเนินรายการ ได้รับเกียรติจากผู้แทนจากหน่วยงานสำคัญ อาทิ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (TGO), บริษัท เหล็กก่อสร้างและการค้า (จำกัด) (CEAT), สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (National Shippers’ Council) และบริษัท Meranti Green Steel (MGS) เข้าร่วมเสวนา

ผู้ร่วมเสวนาต่างเห็นพ้องว่า "เหล็กคาร์บอนต่ำ" ไม่ได้เป็นเพียงเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังเป็นพื้นฐานสำหรับเศรษฐกิจไทย อีกทั้งยังมีความสำคัญต่อการบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การปฏิบัติตามมาตรฐานสากล เช่น มาตรการปรับคาร์บอนก่อนเข้าพรมแดนของสหภาพยุโรป (EU’s CBAM) และการสร้างหลักประกันความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว ผู้ร่วมเสวนาได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของ ความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคอุตสาหกรรม และประชาคมระหว่างประเทศ เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านไปสู่เหล็กคาร์บอนต่ำประสบความสำเร็จ นอกจากนี้ ยังมีการชี้ให้เห็นถึงความต้องการเหล็กคาร์บอนต่ำที่ได้รับการรับรอง ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในภาคการก่อสร้างและการส่งออก การลงทุนของเมอแรนติ กรีน สตีล ถูกยกเป็นตัวอย่างของความร่วมมือทางพันธมิตร ที่มีการแบ่งปันเทคโนโลยี วัตถุดิบสะอาด และความเชี่ยวชาญ เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการผลิตเหล็กของไทย และวางตำแหน่งประเทศไทยให้เป็น ศูนย์กลางระดับภูมิภาค สำหรับเหล็กคาร์บอนต่ำที่ได้รับการรับรอง

ดร. ชลจิต วรวังโส วีรกุล ผู้ช่วยเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรือ EEC กล่าวปิดงาน โดยกล่าวชมถึงความชัดเจนของเป้าหมายของ เมอแรนติ กรีน สตีล และกระตุ้นให้ทุกภาคส่วนสานต่อความร่วมมือเพื่อผลักดันให้ "เหล็กคาร์บอนต่ำ" เป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย

"เหล็กคาร์บอนต่ำคือหัวใจสำคัญของคำสัญญา ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น? เพราะเหล็กอยู่รอบตัวเรา ซ่อนอยู่ในสะพานที่เราข้าม ในบ้านเรือนที่เราสร้าง ในโรงพยาบาลที่เราไว้วางใจ ในกังหันลมที่จะเป็นพลังงานแห่งอนาคตของเรา หากเราเปลี่ยนแปลงเหล็ก เราก็เปลี่ยนแปลงเรื่องราวของการเติบโตของเรา" กิจกรรมได้สิ้นสุดลงด้วยการเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมงานได้สร้างเครือข่าย ซึ่งทุกฝ่ายได้ ยืนยันถึงความมุ่งมั่น ที่จะลดการปล่อยคาร์บอนในห่วงโซ่คุณค่าเหล็กของไทย และร่วมกันวางจุดยืนประเทศให้เป็นผู้นำในภูมิภาคเอเชียด้านการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมสีเขียว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กกท. เปิดตัวผู้สนับสนุน กีฬาซีเกมส์และอาเซียนพาราเกมส์ ตอกย้ำความพร้อมการเป็นเจ้าภาพ

กกท. จัดใหญ่ “Together We Rise” เปิดตัวผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการ กีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 และอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 13

Bartercard เปิดตัวแอปพลิเคชัน "Barter Connect" เชื่อมต่อธุรกิจแบบไร้ขีดจำกัด

หลังจากเดินทางร่วมกับผู้ประกอบการไทยมากว่า 28 ปี ในฐานะผู้นำแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการแบบไร้เงินสดอันดับ 1

‘รมช.ฉันทวิชญ์’ นำพาณิชย์เดินหน้าลุยโปรโมทสินค้าเกษตรนวัตกรรม ต่อยอดขยายตลาด เปิด Pop-up store

​กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เดินหน้าส่งเสริมผู้ประกอบการไทย ยกระดับสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทยสู่ต่างประเทศ โดยร่วมกับ คิง เพาเวอร์ เปิด Pop-up counter “Nature for Future:

สสว. เปิดเวที Soft Power ผลักดัน SME สู่เวทีโลก จัดงานแสดงสินค้า 2-3 ก.ค.นี้ ที่ CTW

สสว. จับมือ ม.อ. จัดงานแสดงสินค้าและเชื่อมโยงธุรกิจ ภายใต้โครงการส่งเสริมและพัฒนาการเริ่มต้นเป็น ผู้ประกอบการ SME ด้วย Soft Power