กกต.หารือสาธารณสุขหวังคลอดมาตรการผู้ป่วยโควิดไปเลือกตั้งได้!

กกต.จับมือ สธ.ลงนามข้อตกลงขับเคลื่อนระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ดึง อสม.ทั่วประเทศให้ความรู้ พร้อมหารือมาตรการให้ผู้ป่วยโควิดออกไปเลือกตั้งได้

28 เม.ย.2565 - ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) จัดพิธีลงนามบันทึกข้อความร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เพื่อบูรณาการในการขับเคลื่อนภารกิจสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ เพื่อผลักดันการเสริมสร้างความเป็นพลเมืองคุณภาพและความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งกลุ่มเป้าหมายสำคัญเป็นกลไกหลัก คือ ศูนย์ส่งเสริมพัฒนาประชาธิปไตย (ศส.ปชต.) และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.) เครือข่ายที่มีความเข้มแข็งในการขับเคลื่อนภารกิจในระดับพื้นที่ชุมชน ดังนั้นเพื่อให้การบูรณาการความร่วมมือระหว่าง สธ. กับ กกต.ให้มีประสิทธิภาพ จึงต้องมีการลงนามข้อตกลงในครั้งนี้

นายอิทธิพร กล่าวว่า การลงนามครั้งนี้เพื่อเสริมสร้างความเป็นพลเมืองคุณภาพและความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขให้กับบุคลากรของ สธ.ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เชื่อว่าทุกคนต้องการเห็นบ้านเมืองพัฒนาก้าวไปข้างหน้าด้วยระบอบประชาธิปไตยที่เข้มแข็ง เพราะถ้าระบอบประชาธิปไตยที่เข้มแข็งจะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้มีความสุขได้ก็การมีพลเมืองคุณภาพ ภารกิจที่สำคัญนี้จะประสบความสำเร็จได้ต้องอาศัยความร่วมมือของเครือข่าย อสม.ทั่วประเทศที่จะช่วยขับเคลื่อนความรู้ดังกล่าวไปสู่ประชาชน

ด้านนายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า การลงนามความร่วมมือในวันนี้เพื่อขับเคลื่อนการสร้างพลเมืองคุณภาพให้ประชาชนมีความรู้ถูกต้องเกี่ยวกับการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งในการเลือกตั้ง 2 ปีที่ผ่านมาทั้งการเลือกตั้งระดับ อบต. และเทศบาล ก็ได้รับความร่วมมือจาก สธ.ในการส่ง อสม.เข้ามาประจำหน่วยเลือกตั้งหน่วยละ 2 คน ในการดูแลความปลอดภัยในการออกมาลงคะแนนของประชาชน ก็ไม่ปรากฏมีคนติดเชื้อโควิดจากการเลือกตั้ง ทั้งนี้ในส่วนการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และ ส.ก. เราได้ร่วมหารือกับ สธ.อย่างใกล้ชิด เนื่องจากมาตรการควบคุมโรคเปลี่ยนไป เพราะผู้ป่วยสามารถรักษาตัวที่บ้าน ตรวจ ATK ได้เอง โดยตอนนี้กำลังหารือถึงมาตรการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ติดเชื้อออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง กรณีตรวจ ATK พบติดเชื้อ หรือผู้ป่วยที่รักษาตัวอยู่ที่บ้านจะไปเลือกตั้งอย่างไร ขณะนี้ได้ร่างแผนมาตรการร่วมกรมควบคุมโรค โดยมีการเตรียมไว้ 3 ขั้นตอนคือการจัดหน่วยเลือกตั้งพิเศษสำหรับผู้ติดเชื้อโควิด การเตรียมตัวของผู้ติดเชื้อในการออกไปลงคะแนน และในระหว่างลงคะแนน

ด้านนายอนุทินกล่าวว่า จากการที่ สธ.มีเครือข่าย อสม. ประมาณ 1 ล้านคน ซึ่งกระจายอยู่ทั่วประเทศ โดยหลายท่านก็มีความรู้ความเข้าใจทางด้านการพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้ง จึงเป็นที่มาของความคิดในการลงนามความร่วมมือ เพื่อให้เครือข่าย อสม.สามารถกระจายความรู้ความเข้าใจคุณค่าของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ให้ชาวบ้านได้ทราบ ทั้งนี้ต้องนึกถึงประเทศเป็นหลัก เลือกคนที่ดีคนที่ทุ่มเท พรรคที่ดีมีนโยบายทำเพื่อประเทศชาติอย่างเต็มที่ได้เข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน

"อสม.มีศักยภาพด้านการประชาสัมพันธ์ กระจายข่าว อย่างเช่นช่วงที่มีโรคระบาด อสม.ก็จะช่วยให้ชาวบ้านเกิดความเข้าใจในการปฏิบัติตนให้ปลอดภัยจากโรคระบาด ในกรณีนี้ก็เช่นกันทาง กกต.จะให้กระทรวงสาธารณสุขใช้เครือข่าย อสม.ในการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข่าวสาร และความใจต่างๆต่อไป ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีเพราะเราจะมีกำลังอีกตั้ง 1 ล้านคนที่จะออกไปบอกกับชาวบ้านในวงกว้างว่าต้องรักชาติ รักบ้านเมือง ต้องสงวนสิทธิ์ที่ตนเองมีอยู่เลือกคนที่ดีที่สุดให้เป็นตัวแทนของเขาในการเป็นปากเสียงของประชาชนต่อไป ซึ่ง อสม.พื้นฐานมีความทุ่มเทอยู่แล้ว เป็นอาสาสมัครโดยที่ไม่คำนึงถึงค่าตอบแทนใดๆ ต้องเชื่อว่าวุฒิภาวะของอสม.ก็คงช่วยเหลือภารกิจ และปณิธานของ กกต.ให้เกิดความสะอาด โปร่งใสในการเลือกตั้งต่างๆ "นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ส่วนค่าตอบแทนป็นหน้าที่ของ สธ. ถ้าเรามีโอกาสที่ทำได้ก็ไม่เคยละเลยที่จะตอบแทนการทำงานของอสม. ซึ่งการตอบแทนอาจจะไม่จำเป็นในรูปแบบของเงินอย่างเดียว อาจจะเป็นในรูปแบบของการชื่นชม แจกประกาศนียบัตร การให้สิทธิในการรักษาพยาบาลให้กับอสม.และครอบครัว เป็นต้น นอกจากนี้ยังจัดระบบกองทุนฌาปนกิจสงเคราะห์ให้กับอสม. เพื่อสร้างความมั่นคงกับ อสม.ให้มากที่สุด

นายอนุทิน ยังกล่าวอีกว่า ส่วนการใช้สิทธิลงเลือกตั้งของประชาชนที่ติดเชื่อโควิด-19 กรมควบคุมโรคกำลังหารือเร่งด่วนกับเลขาธิการ กกต.ในระดับหนึ่งแล้ว ซึ่งอย่างที่ได้เรียนว่าเรากำลังจะเดินทางไปสู่เป้าหมายให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น ที่เราเดินมากว่าครึ่งทางแล้ว เราได้ลดมาตรการต่างๆลง ทั้งการลดการรักษาพยาบาลแบบที่ทุกคนต้องกักตัว 14 วัน ที่ขณะนี้ไม่มีแล้ว ก็จะเหลือกลุ่มที่มีอาการหนักเท่านั้น หรือกลุ่ม 608 ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน ถึงจะเข้ารับการรักษาที่มีความยุ่งยาก สลับซับซ้อน เพราะความเป็นอันตรายเริ่มลดน้อยลง โดยพยายามหาทางกับทางกกต. ในการเลือกตั้งถ้ามีผลตรวจ 2 ขีดก็ไปแจ้งหน่วยเลือกตั้ง เพื่อใช้ช่องแยกช่องแยก หรือใส่หน้ากากอนามัย 2 ชั้น ขอให้ความมั่นใจว่าเราคำนึงถึงความเป็นปลอดภัยของส่วนรวมเป็นหลัก ไม่มีสาเหตุที่ทำให้เกิดความสูญเสีย แน่นอน

"เราไปตัดสิทธิเขาไม่ได้ ถ้าเขายืนยันว่าจะใช้สิทธิของเขาในความเป็นประชาชน เพราะว่าการเลือกตั้งคือสิทธิที่ทุกคนหวงแหน ผมเคยโดนตัดสิทธิทางการเมืองมา 5 ปี สมัยเป็นกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ผมอกแทบแตก ทุกครั้งที่ไม่ได้ไปเลือกตั้งรู้สึกว่าตัวเองถูกลิดรอน ฉะนั้นการที่ผู้คนเจ็บป่วยแล้วบอกว่าออกมาใช้สิทธิไม่ได้ ผมถือว่าเป็นการก้าวล่วง เพราะฉะนั้นเราต้องหาวิธีที่จะทำให้การบริหารจัดการเลือกตั้งเป็นไปด้วยดี " นายอนุทิน กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กกต.ขยับรับสมัครอบต.ใต้เป็น 8-12 ธ.ค. เหตุอุทกภัยกระทบหลายจังหวัด

กกต.ปรับรอบรับสมัครเฉพาะ 5 จังหวัดน้ำท่วม ส่วนจำนวน อบต.ทั่วประเทศลดเหลือ 4,985 แห่งจากการยกฐานะเป็นเทศบาล ต้องแบ่งเขตใหม่ก่อนจัดเลือกตั้งช่วงเมษายน 2569 หลายพื้นที่เปิดรับสมัครวันแรกคึกคัก

กกต. แจงนักการเมือง-พรรค บริจาคช่วยน้ำท่วมได้เต็มที่ แต่ระดับท้องถิ่นต้องระวังช่วง 180 วันก่อนครบวาระ

กกต. ชี้ "บริจาคช่วยภัยพิบัติ" สส.-สมาชิกพรรคทำได้เต็มที่ไม่เกินครั้งละ 3 แสนบาท แต่จะบริจาคกี่ครั้งก็ได้ ส่วนพรรคการเมืองไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อเหตุการณ์ ย้ำโปร่งใส–โฆษณาได้ 

กกต. ขอเชิญชวนสมัครรับเลือกตั้ง สมาชิกสภา อบต. และนายก อบต. ระหว่างวันที่ 1 - 5 ธันวาคม 2568

สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ขอเชิญชวนผู้ที่สนใจสมัครรับเลือกตั้งสมาชิก สภาองค์การบริหารส่วนตำบลและนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ระหว่างวันที่ 1 – 5 ธันวาคม 2568 เวลา 08.30 – 16.30 น. (ไม่เว้นวันหยุดราชการ) ณ สถานที่ที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนตำบลกำหนด สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ขอประชาสัมพันธ์ผู้ที่สนใจสมัครรับเลือกตั้งสามารถตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม และเตรียมหลักฐานและเอกสารประกอบการ ยื่นใบสมัครรับเลือกตั้ง พร้อมทั้งค่าธรรมเนียมการสมัครรับเลือกตั้ง โดยมีรายละเอียดดังนี้ 1. คุณสมบัติของผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 1.1 มีสัญชาติไทยโดยการเกิด 1.2 ผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล ต้องมีอายุ ไม่ต่ำกว่า 25 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง สำหรับผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 35 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง 1.3 มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลที่สมัครรับเลือกตั้ง ในวันสมัครรับเลือกตั้ง เป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 1 ปี นับถึงวันสมัครรับเลือกตั้ง 1.4 วุฒิการศึกษา • สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล ไม่ได้กำหนดวุฒิการศึกษา • ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ต้องสำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่ามัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า หรือเคยเป็นสมาชิกสภาตำบล สมาชิกสภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่น หรือสมาชิกรัฐสภา 2. ลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 2.1 ติดยาเสพติดให้โทษ 2.2 เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต 2.3 เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ 2.4 เป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติ การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 มาตรา 39 (1) เป็นภิกษุ สามเณร นักพรตหรือนักบวช (2) อยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่ว่าคดีนั้นจะถึงที่สุดแล้วหรือไม่ หรือ (4) วิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ 2.5 อยู่ระหว่างถูกระงับการใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นการชั่วคราวหรือ ถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 2.6 ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล 2.7 เคยได้รับโทษจำคุกโดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึง 5 ปี นับถึงวันเลือกตั้ง เว้นแต่ ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ 2.8 เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเพราะทุจริต ต่อหน้าที่หรือถือว่ากระทำการทุจริตหรือประพฤติมิชอบในวงราชการ 2.9 เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอันถึงที่สุดให้ทรัพย์สินตกเป็น ของแผ่นดินเพราะร่ำรวยผิดปกติ หรือเคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกเพราะกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2.10 เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม หรือกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยความผิดของพนักงาน ในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ หรือความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน กฎหมายว่าด้วยยาเสพติด ในความผิดฐานเป็นผู้ผลิต นำเข้า ส่งออก หรือผู้ค้า กฎหมายว่าด้วยการพนันในความผิดฐานเป็นเจ้ามือหรือเจ้าสำนัก กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือกฎหมายว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในความผิดฐานฟอกเงิน 2.11 เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำการอันเป็นการทุจริตในการเลือกตั้ง 2.12 เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ 2.13 เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น 2.14 เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น หรือเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ 2.15 เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ 2.16 อยู่ในระหว่างต้องห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 2.17 เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะศาลฎีกาหรือศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาว่าเป็นผู้มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ หรือกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง 2.18 ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดว่ากระทำความผิดตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้ง สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 ไม่ว่าจะได้รับโทษหรือไม่ โดยได้พ้นโทษหรือ ต้องคำพิพากษามายังไม่ถึง 5 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง แล้วแต่กรณี 2.19 เคยถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หรือกฎหมายว่าด้วยการลงคะแนนเสียงเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น แล้วแต่กรณี มายังไม่ถึง 5 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง 2.20 อยู่ในระหว่างถูกจำกัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น ตามมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 หรือตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2.21 เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา หรือเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเดียวกันหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น 2.22 เคยพ้นจากตำแหน่งใด ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพราะเหตุมี ส่วนได้เสียไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาหรือกิจการที่กระทำหรือจะกระทำกับหรือให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น หรือมีส่วนได้เสียไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาหรือกิจการ ที่กระทำกับหรือจะกระทำกับหรือให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น โดยมีพฤติการณ์แสดงให้เห็นว่าเป็นการต่างตอบแทน หรือเอื้อประโยชน์ส่วนตนระหว่างกัน และยังไม่พ้น 5 ปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง 2.23 เคยถูกสั่งให้พ้นจากตำแหน่งใด ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพราะจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการ หรือมติคณะรัฐมนตรี อันเป็นเหตุให้เสียหาย แก่ราชการอย่างร้ายแรง และยังไม่พ้น 5 ปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง 2.24 เคยถูกสั่งให้พ้นจากตำแหน่งใด ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพราะทอดทิ้งหรือละเลยไม่ปฏิบัติการตามหน้าที่และอำนาจ หรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยหน้าที่ และอำนาจ หรือประพฤติตนฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือมีความประพฤติในทางที่จะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียแก่ศักดิ์ตำแหน่ง หรือแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือแก่ราชการ และยังไม่พ้น 5 ปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง 2.25 ลักษณะอื่นตามที่กฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์การบริหารส่วนตำบลกำหนด 3. หลักฐานและเอกสารประกอบการยื่นใบสมัครรับเลือกตั้ง ให้ผู้สมัครยื่นใบสมัครต่อผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนตำบลพร้อมทั้งหลักฐานการสมัคร ดังนี้ 3.1 ใบสมัครรับเลือกตั้งตามแบบ ส.ถ./ผ.ถ. 4/1 3.2 รูปถ่ายหน้าตรงไม่สวมหมวก หรือ รูปภาพที่พิมพ์ชัดเจนเหมือนรูปถ่ายของตนเอง ขนาดกว้างประมาณ 8.5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 13.5 เซนติเมตร จำนวนตามที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนตำบลกำหนด 3.3 สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน 3.4 สำเนาทะเบียนบ้าน 3.5 ใบรับรองแพทย์ 3.6 หลักฐานการศึกษา 3.7 หลักฐานการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นเวลาติดต่อกัน 3 ปี (2565, 2566, 2567) นับถึงปีที่สมัครรับเลือกตั้ง เว้นแต่เป็นผู้ไม่ได้เสียภาษีเงินได้ ให้ทำหนังสือยืนยัน การไม่ได้เสียภาษี พร้อมทั้งสาเหตุแห่งการไม่ได้เสียภาษีตามแบบ ส.ถ./ผ.ถ. 4/2 4. ค่าธรรมเนียมการสมัครรับเลือกตั้ง 4.1 นายกองค์การบริหารส่วนตำบล 2,500 บาท 4.2 สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล 1,000 บาท ทั้งนี้ ผู้ใดลงสมัครรับเลือกตั้งโดยรู้อยู่แล้วว่าตนเป็นผู้ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกตั้ง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 - 10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 – 200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี ตามมาตรา 120 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 และที่แก้ไขเพิ่มเติม สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหาร ส่วนตำบลและนายกองค์การบริหารส่วนตำบลได้ทางเว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง www.ect.go.th หรือ Application Smart Vote หรือสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ประจำจังหวัดทุกจังหวัด หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บริการสายด่วน 1444

ปี69เดือด!เลือกตั้งทุกระดับ 'กกต.-ประชาชน'ตัดสินอนาคต

ปี 2569 กลายเป็นปีที่ท้าทายที่สุดสำหรับประชาธิปไตยไทย ด้วยการเลือกตั้งหลายระดับที่กระชั้นชิดกันอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ที่คาดว่าจะพ่วงด้วยการลงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ และบันทึกความเข้าใจ (MOU)

กกต. ไม่มีปัญหาถ้าพรุ่งนี้ยุบสภา ก็พร้อมจัดการเลือกตั้ง-ทำประชามติ

เลขาฯกกต. กล่าวถึงความพร้อมการเลือกตั้งอบต. 11 ม.ค.2569 ว่า เราได้ตื่นตัวและสื่อสารไปยังพื้นที่ และหน่วยงานองค์การบริหารส่วนตำบลที่จะทำการเลือกตั้ง รวมทั้งถ้าจะมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทน