ยังไม่รู้ชะตากรรม! 'พิธา' เดินสายเร่ขายหวยใบเสร็จ ธุรกิจ SME หวั่นขึ้นค่าแรง 450 ทำต้นทุนสูง

"พิธา" ร่วมหารือสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย แก้ปัญหาเศรษฐกิจเชิงโครงสร้าง คุยลั่นนโยบายหวยใบเสร็จช่วยเพิ่มรายได้ สร้างโอกาสผลักดันเป็นสภาเทียบเท่าสภาอุตสาหกรรม​ ผู้ประกอบการหวั่นขึ้นค่าแรง 450 บาท ทำต้นทุนสูงขึ้น

13 มิ.ย.2566 - ที่สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล พร้อมคณะ เดินทางมาร่วมหารือกับนายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์ โดยภายหลังการหารือกว่า 1 ชั่วโมง 30 นาที

นายพิธา แถลงความคืบหน้าว่า ได้พูดคุยถึงทิศทางการบริหารเศรษฐกิจแบบมหภาค และลงลึกถึงสถานการณ์ของเอสเอ็มอี โดยเฉพาะสถานการณ์ภายในช่วงวิกฤตโควิด-19 ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน และเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านแล้ว จะเห็นว่าในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน เงินกู้ และสัดส่วนของเอสเอ็มอีต่อจีดีพีของแต่ละประเทศหน้าตาเป็นอย่างไรบ้าง รวมถึงได้สอบถามความต้องการของทางสมาพันธ์เอสเอ็มอี ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องสมุดปกขาว และการชี้แจงนโยบายสำคัญสำคัญ ที่จะมีส่วนช่วยเอสเอ็มอี ทั้งหวยใบเสร็จ หรือการผ่านกฎหมายต่างๆเพื่อที่จะตั้งสภาเอสเอ็มอี แม้ว่าขณะนี้จะเป็นเพียงสมาพันธ์ แต่ต่อไปเราอยากจะทำให้เป็นสภาเพื่อให้เป็นระดับเดียวกับสภาอุตสาหกรรม สภาหอการค้า เพื่อสร้างโอกาสและแต้มต่อในการต่อรอง และสามารถตัดลดต้นทุนทางพลังงาน ดอกเบี้ย และกฎหมายที่ไม่จำเป็น ที่ส่งผลต่อต้นทุนของเอสเอ็มอี รวมถึงการขอใบอนุญาตต่างๆ จากทางราชการ

นายพิธา กล่าวว่า สาระสำคัญของการช่วยเอสเอ็มอีของเราก็คือเพิ่มรายได้ด้วยหวยใบเสร็จช่วยเอสเอ็ม และ ให้เอสเอ็มอีมีแต้มต่อจากการเพิ่มรายได้ลดรายจ่ายคือการลดต้นทุนพลังงาน หรือต้นทุนทางการเงินที่เอสเอ็มอีเข้าถึงได้ยาก ที่ทำให้มีการกู้นอกระบบ และการขยายโอกาส คือ การเพิ่มโอกาสในการต่อรอง สิ่งที่ทางสมาพันธ์ขอมาก็คือการตั้งสภาเอสเอ็มอี ให้ได้มีโอกาสพูดคุยกับรัฐบาล และภาคส่วนอื่นๆ ยกตัวอย่าง เช่น การขึ้นดอกเบี้ย ที่ส่งผลกระทบต่อพี่น้องเอสเอ็มอี แต่ทางสมาพันธ์ไม่ได้มีโอกาสไปพูดคุยกับส่วนอื่นๆ โดย 3 สิ่งนี้ เราจะเร่งดำเนินการหลังการจัดตั้งรัฐบาล เพื่อเพิ่มรายได้-ลดรายจ่าย-ขยายโอกาส ให้กับเอสเอ็มอี

ทั้งนี้ สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย ยอมรับผู้ประกอบการมีความกังวลกับนโยบายปรับขึ้นค่าแรงงานเป็นวันละ 450 บาท เนื่องจากอาจกระทบต่อการจ้างงานกว่า 12 ล้านคน และทำให้ต้นทุนสูงขึ้น ยืนยันว่าไม่ใช่การคัดค้าน เพียงแต่ต้องการเห็นตัวเลขที่เหมาะสม และผ่านการเจรจาจากคณะกรรมการไตรภาคี ควรต้องหารือกันก่อน และเห็นว่าค่าแรงที่สูงขึ้น ยังไม่สำคัญเท่ากับฝีมือแรงงานที่พัฒนาขึ้น หากรัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาฝีมือแรงงาน ก็จะไม่กระทบต่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอี 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘เท้ง’พลาดซ้ำ รีบผลัก‘ภท.’ พา‘พรรคส้ม'ผูกมัดตัวเอง

ไม่ว่าจะคิดมาดีแล้ว หรือไม่ทันระวัง การรีบประกาศว่า หากพรรคภูมิใจไทยเป็นรัฐบาล พรรคประชาชนจะไปเป็นฝ่ายค้านของ ‘เท้ง’ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ถือเป็นเรื่องที่นักเลือกตั้งซึ่งมีประสบการณ์ทางการเมืองสูงไม่เลือกจะทำ

อดีตผู้สมัครส.ส.ปราจีนพรรคส้ม ประกาศยุติบทบาท แฉทนไม่ไหวทุนเทาในพรรคพวกมากลากไป

ไพทูรย์ นาคหิรัญ  อดีตผู้สมัคร ส.ส. เขต 1 ปราจีนบุรี พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความขอยุติบทบาท กับ ”พรรคประชาชน“

พรรค‘ปชน.’ขอโทษจากใจ วอน‘ประชาชน’ไปต่อด้วยกัน

ภาพที่หัวหน้าพรรคสีส้มทุกยุคสมัยมาปรากฏตัวพร้อมหน้าบนเวทีเดียวกันไม่ได้เกิดขึ้นให้เห็นบ่อยนัก เอาเข้าจริงอาจจะยิ่งกว่าเวทีปราศรัยใหญ่ก่อนเลือกตั้งทุกครั้งด้วยซ้ำ เพราะในกิจกรรม

'ธนาธร' กล้าพูด หาก 'พิธา' เป็นนายกฯ สถานการณ์ชายแดนจะไม่มาถึงจุดนี้เด็ดขาด

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวในกิจกรรม “ปิกนิก พรรคประชาชนพบประชาชน ขอโทษจากใจขอไปต่อด้วยกัน”

รัฐบาลอัดฉีดแพ็กเกจใหญ่ เพิ่มสภาพคล่อง SME มาตรการสินเชื่อ-คืนภาษี วงเงิน 3.27 แสนล้าน

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2568 มีมติเห็นชอบมาตรการ “Quick Big Win เพื่อ SMEs ไทย

'พิธา' เย้ย 'ภูมิใจดูด' ก็เคยแพ้ผม ประชาชนลงโทษ เตือน 'อนุทิน' อย่าให้การเมืองนำบ้านเมือง

'พิธา' ชี้ การเมืองไทยยุคนี้คือ 'เฉพาะกิจ' เตือน 'อนุทิน' อย่าให้การเมืองนำบ้านเมือง พร้อมป้องพรรคประชาชนไม่ใช่ฝ่ายค้ำ