
5 ธ.ค.2566- กรณีปรากฎรายงานข่าว นายเชาวลิต ทองด้วง หรือ แป้ง นาโหนดหลบหนี จำเลยต้องโทษคำพิพากษาของศาลจังหวัดพัทลุง ที่หลบหนีการคุมขังระหว่างออกมาระกษาพยาบาล เเละถูกตามจับกุม ได้ลงเรือสปีดโบ๊ตที่บริเวณท่าเรือในท้องที่บ้านบากันโต๊ะทิด อ.ละงู จ.สตูล หลบหนีไปยังประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเเม้ตอนนี้ยังไม่มีการยืนยันจากเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเป็นทางการ เเต่หากมีการหลบหนี กระบวนการตามจับกุมตัวจะเป็นอย่างไรนั้น
เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.นายประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ได้อธิบายข้อกฎหมายเกี่ยวกับการติดตามตัวผู้ร้ายข้ามแดนไว้ ว่าก่อนที่จะอธิบายขั้นตอนเรื่องการส่งผู้ร้ายข้ามแดนขอ อธิบายขั้นตอนว่า ในกรณี ที่คนร้ายที่กระทำผิดอาญาอย่างเช่นนายชวลิตทองด้วงหรือ เสี่ยแป้งนาโหนดถือว่าเป็นผู้ต้องคำพิพากษาของศาลจังหวัดพัทลุงที่ถูกศาลตัดสินมีคำพิพากษาจำคุก 20 ปีและหลบหนี ซึ่งหากมีการหลบหนีออกรอกประเทศจริง ตรงนี้เรียกว่าคนร้าย หลบหนีไปอยู่ต่างแดน ขั้นตอนการขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนกลับมารับโทษหรือมาเข้าสู่กระบวนการดำเนินคดีในประเทศไทย ในหลักกฎหมายนั้นการที่จะเริ่มต้นดำเนินการมีการส่งคำขอให้ประเทศที่รับคำขอหรือประเทศที่คนร้ายเข้าไปหลบอยู่จะต้องเริ่มต้นจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งมีหน้าที่ในการติดตามจับกุมตัวคนร้าย จะต้องสืบสวนประสานงานตำรวจสากลให้ทราบแน่ชัดก่อนว่า คนร้ายหลบไปพำนัก อยู่ประเทศใดหน้าที่ในการสืบหาว่าเวลานี้ เสี่ยแป้ง อยู่พิกัดยืนยันให้แน่ชัดเป็นหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ประการที่2 หากถ้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติทราบพิกัดแน่ชัดแล้วอย่างเช่นกรณีที่สื่อมวลชนรายงานว่า ตอนนี้เสี่ยแป้งหลบไปอยู่อินโดนีเซีย ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติก็จะส่งเรื่องมายังถึงสำนักงานอัยการสูงสุดในฐานะที่อัยการสูงสุดเป็นผู้ประสานงานกลางตาม พรบ.ว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดนคำว่าผู้ประสานงานกลางหมายความว่ากฎหมายกำหนดให้อัยการสูงสุด แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ในการที่จะมีคำขอจากประเทศไทย มีคำขอไปยังประเทศที่คนร้ายหลบหนีอยู่
เรามีแนวปฏิบัติอยู่ 2 ประการ ประการแรกทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติยืนยันแน่ชัดว่าคนร้ายหลบไปอยู่ประเทศไหนแน่นอน แล้วอย่างเช่น อินโดนีเซียงอัยการสูงสุดก็จะดูว่าประเทศไทยกับประเทศปลายทางที่จะเป็นผู้รับคำขอ ก็คือประเทศที่คนร้ายหลบอยู่กับ ของแพงด้วย มีสนธิสัญญาระหว่างกันหรือไม่
ซึ่งหากเสี่ยแป้งหลบหนีอยู่ที่อินโดนีเซียตรงนี้การส่งผู้ร้ายข้ามแดนของเราสามารถที่จะดำเนินการมีคำขอให้กับทางอินโดนีเซียส่งผู้ร้ายข้ามแดนกลับมาให้เราได้เพราะเรามีสนธิสัญญาระหว่างกัน โดยสนธิสัญญาของเราทำกันไว้ตั้งแต่วันที่ 29 มิ.ย. 2519 สรุปก็คือว่าเรามีสนธิสัญญาระหว่างประเทศไทยกับประเทศอินโดนีเซียในเรื่องของหลักการการส่งผู้ร้ายข้ามแดนนั่นหมายความว่า ในกรณีของคนร้ายที่หลบหนีจากประเทศไทยไปอยู่อินโดนีเซียหรืออินโดนีเซียมาอยู่ประเทศไทย การส่งผู้ร้ายข้ามแดนเรามีแนวปฏิบัติชัดเจนตามหลักเกณฑ์ที่ระบุไว้ในสนธิสัญญาระหว่างกันอยู่แล้ว
เพราะฉนั้นถ้าหากว่าถ้าสำนักงานตำรวจเเห่งชาติสืบทราบแน่ชัดว่าคนร้ายหลบหนีไปอยู่ประเทศไหนหากชัดแล้วก็จะส่งเรื่องมาที่อัยการสูงสุด ทางสำนักงานอัยการสูงสุดของเรามีสำนักงานต่างประเทศซึ่งมีพนักงานอัยการที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ ผ่านการทำงานด้านนี้มาหลายคดีก็ให้มั่นใจได้ว่าถ้าหากมีข้อมูลชัดเจนส่งมาที่สำนักงานอัยการสูงสุด
ทีมงานของสำนักงานอัยการต่างประเทศก็จะมีพนักงานที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญเพียงพอที่จะดำเนินการได้ทันที ที่ผ่านมาเราก็มีประสบการณ์ เช่น การติดตามการขอส่งตัว ราเกซ สักเสนา พ่อมดการเงิน ที่ทุจริตโกงบีบีซี กลับมาประเทศไทยหรือการดำเนินการคดี ที่มีผู้บริหารธนาคาร หรือแม้แต่เณรคำ อัยการเราก็ทำมา ซึ่งไม่ต้องกังวล ตรงนี้สำนักงานอัยการสูงสุดมีทีมงานพร้อม
เมื่อมีสนธสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน การประสานงานก็จประสานงานตรงระหว่างประเทศไทยกับอินโดนีเซียเลยซึ่งมีขั้นตอนปฏิบัติระหว่างกันอยู่แล้วก็สามารถทำตามข้อตกลงที่มีในส่วนที่สัญญาได้เลยเป็นการประสานงานระหว่างผู้ประสานงานกลางของประเทศเรา และผู้ประสานงานกลางของอินโดนีเซียได้เลย
ในส่วนด้านความสัมพันธ์ของประเทศไทยกับอินโดนิเซีย ต้องเรียนว่าโดยเฉพาะพนักงานอัยการประเทศไทยกับทีมพนักงานอัยการประเทศอินโดนีเซียมีความสนิทสนมและมีความร่วมมือประสานงานกันอย่างดีมาเป็นเวลายาวนานมีหลายหลักสูตรของสำนักงานอัยการสูงสุดไม่ว่าจะเป็นหลักสูตรอบรมอธิบดีอัยการ หลักสูตรอัยการจังหวัด ทางอัยการอินโดนีเซียก็ส่งพนักงานอัยการมาเรียนร่วมกันกับทางอัยการไทยเราหลายหลักสูตร รวมทั้งเวลาอินโดนีเซียมีอบรมหลักสูตรผู้บริหารทางอัยการประเทศไทยเองก็มีการส่งทีมของอัยการประเทศไทยไปร่วมอบรมกับทางอินโดนีเซียมีการประสานงานความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดเรียกว่าสัมพันธ์ภาพดีมาก และยิ่งเรามีสนธิสัญญาระหว่างกันยิ่ง ให้มั่นใจได้ว่าสามารถประสานงานกันได้อย่างราบรื่น
ในส่วนประเทศมาเลเซียหรือลังกาวี ประเทศไทยกับประเทศมาเลเซียมีสนธิสัญญาระหว่างเรากับมาเลเซียในการปฏิบัติต่อกันในเรื่องการส่งผู้ร้ายข้ามแดนมีข้อตกลงกันตั้งเเต่สมัยเป็นราชอาณาจักรสยามซึ่งมีสนธิสัญญาระหว่างกันระหว่างกรุงสยามกลับกลับประเทศอังกฤษหรือสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นประเทศผู้ปกครองมาเลเซียในยุคอาณานิคมฉนั้นประเทศไทยก็เคยทำสนธิสัญญาระหว่างกรุงสยามกับอังกฤษ ร.ศ129 หรือปีคริสต์ศักราช1911 เรามีสนธิสัญญาเรื่องระหว่างส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างไทยกับอังกฤษอยู่แล้ว
ดังนั้นเมื่อประเทศมาเลเซียเป็นเอกราชการส่งผู้ร้ายข้ามแดนก็สืบสิทธิตามสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างสยามกับอังกฤษ พูดง่ายๆก็คือไทยกับมาเลเซียก็มีสัญญาหรือข้อตกลงในเรื่องการส่งผู้ร้ายข้ามแดนเช่นเดียวกัน ตรงนี้ขั้นตอนการดำเนินการก็ไม่ต่างกับอินโดนีเซีย ซึ่งลังกาวีก็เป็นส่วนหนึ่งของมาเลเซียถ้าถ้าหนีไปอยู่ลังกาวีก็เท่ากับว่าอยู่ในประเทศมาเลเซีย ก็ใช้การ สืบสิทธิของกรุงสยามและอังกฤษอย่างที่ผมนำเรียน
นายประยุทธให้ความรู้เพิ่มเติมกรณีที่คนร้ายหนีไปในประเทศที่ไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนก็จะมีเเนวอีกช่องทางหนึ่งคือ ใช้ช่องทางทางการทูต ซึ่งมีแนวทางในการปฏิบัติที่เป็นสากลอยู่แล้ว ก็คือทางตำรวจหรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติสืบพิกัดว่าผู้ต้องการตัวอยู่ประเทศใด และแจ้งมาที่สำนักงานอัยการสูงสุดในฐานะผู้ประสานงานกลางก็จะดำเนินการผ่านกระทรวงต่างประเทศใช้หลักการทูตเป็นลักษณะข้อตกลงของการตอบแทน นั่นหมายความว่าเเม้เราไม่มีสนธิสัญญาก็จริงแต่เมื่อคนร้ายเราตกไปอยู่ประเทศเขา เราก็ขอให้เขาในฐานะประเทศผู้รับคำขอ ช่วยส่งคนร้ายให้เรา และเราให้คำมั่นหรือให้สัญญาหรือข้อตกลงว่าเมื่อใดก็ตามในอนาคตหรือในภายภาคหน้า หากมีคนร้ายที่ประเทศปลายทางต้องการตัวมาหลบมาอยู่ประเทศเราบ้าง เราก็จะ ให้ความร่วมมือ กรณีคนร้ายหลบไปอยู่ต่างประเทศไม่ว่าคนร้ายจะอยู่ในประเทศที่มีสนธิสัญญากับเราหรือไม่มีสนธิสัญญากับเราก็ตามเพียงแต่ทางสำนักงานตรวจแห่งชาติที่จุดพิกัดว่าอยู่ที่ไหนแน่ชัดแจ้งมาที่สำนักงานอัยการสูงสุด โดย อัยการสูงสุดในฐานะ ผู้ประสานงานกลางก็จะมอบหมายให้สำนักงานต่างประเทศดำเนินการอย่างที่นำเรียนมาโดยลำดับ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ปันหยี I Sea You' ปังข้ามประเทศ เข้าฉายเทศกาลหนังที่อินโดนีเซีย
"ปันหยี I Sea You" ภาพยนตร์ไทยคุณภาพเยี่ยมที่ถ่ายทอดวิถีชีวิตและจิตวิญญาณอันงดงามของชาวประมงมุสลิมบน เกาะปันหยี หมู่บ้านลอยน้ำกลางอุทยานแห่งชาติพังงา ก้าวสู่เวทีระดับนานาชาติ โดยล่าสุดได้รับการคัดเลือกอย่างเป็นทางการให้ฉายในเทศกาลภาพยนตร์ Madani International Film Festival 2025 ที่เมื่อวันที่ 11-14 ตุลาคมที่ผ่านมา ณ กรุงจาการ์ต้า ประเทศอินโดนีเซีย
'ก้อง'คว้า3แต้มสำคัญ ที่อินโดนีเซีย 'มาร์ค'โชคร้ายโดนชนเจ็บหนัก
“ก้อง” สมเกียรติ จันทรา นักบิดไทยหมายเลข 35 สร้างผลงานในศึก โมโตจีพี 2025 สนาม 18 รายการ อินโดนีเซียน กรังด์ปรีซ์ หลังออกตัวจากกริดที่ 19 ทะยานเข้าป้ายอันดับ 13 เดินหน้าเก็บแต้มต่อเนื่องโดยคว้าเพิ่ม 3 แต้ม ขณะ “ลูก้า มารินี” นักบิดทีมโรงงานฮอนด้าบู๊คว้าอันดับ 5 จากเรซสุดหินที่ เปอร์ตามิน่า มันดาลิกา อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันอาทิตย์ที่ 5 ตุลาคมที่ผ่านมา
'สดมภ์-ภูมิ'จี้กลุ่มนำสโตรคเดียว ลุ้นแชมป์'อินเตอร์ฯซีรีส์'ที่อินโดฯ
สดมภ์ แก้วกาญจนา และ ภูมิ ศักดิ์แสนศิลป์ ทำสกอร์รวมสามวันเท่ากันที่คนละ 10 อันเดอร์พาร์ 200 รั้งอันดับ 4 ร่วม ในการแข่งขันกอล์ฟรายการ “จาการ์ต้า อินเตอร์เนชั่นแนล แชมเปี้ยนชิพ” ที่สนามดาไม อินดาห์ กอล์ฟ พาร์ 70 ในกรุงจาการ์ต้า ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา มีโอกาสลุ้นแชมป์โดยมีสกอร์ตามหลังสามผู้นำร่วมเพียงสโตรคเดียว
'ก้อง'ยังมุ่งมั่น'โมโตจีพี' พร้อมลุยต่อที่อินโดฯ หวังซิวแต้มสนามแห่งความทรงจำ
"ก้อง" สมเกียรติ จันทรา หมายเลข 35 สังกัด อิเดมิตสึ ฮอนด้า แอลซีอาร์ ตั้งใจมุ่งมั่น พร้อมลุยศึก โมโตจีพี 2025 สนาม 18 อินโดนีเซียน กรังด์ปรีซ์ สุดสัปดาห์นี้ หวังเก็บแต้มที่ เปอร์ตามิน่า มันดาลิกา อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศอินโดนีเซีย สนามที่เคยคว้าชัยชนะมาครองในรุ่น โมโตทู
ทัพโปรหนุ่มไทยพร้อม ลุยศึก'อินเตอร์เนชั่นแนล ซีรีส์' ที่อินโดนีเซียสัปดาห์นี้
เอเชียน ทัวร์ จัดการแข่งขันอินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์ รายการที่ 5 จาก 10 รายการของอินเตอร์เนชั่นเนล ซีรีส์ 2025 ศึก “จาการ์ต้า อินเตอร์เนชั่นแนล แชมเปี้ยนชิพ” ชิงเงินรางวัลรวม 2 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 64 ล้านบาท ที่สนามดาไม อินดาห์ กอล์ฟ ระยะ 7,124 หลา พาร์ 71 ในกรุงจาการ์ต้า ประเทศอินโดนีเซีย โดยมีนักกอล์ฟลงชิงชัยทั้งสิ้น 150 คน เป็นนักกอล์ฟชาวไทย 28 คน นำโดย รฐนน วรรณศรีจันทร์ ที่เพิ่งคว้าแชมป์ที่ไต้หวัน เมื่อวันอาทิตย์ ขณะที่แชมป์จะได้รับเงินรางวัล 360,000 เหรียญสหรัฐ หรือราว 12 ล้านบาท เปิดฉากดวลวงสวิงรอบแรกวันพฤหัสบดีที่ 2 ตุลาคมนี้
'ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์' จัดทัพใหญ่นำโดย'ชิพ-นครินทร์' ลุย'2ล้อเอเชีย2025'ที่อินโดฯ
“ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” ลงแข่งขันในนามทีมแข่งไทย 100 เปอร์เซ็นต์ นำทัพโดย “ชิพ-นครินทร์” ควบรถแข่ง Honda CBR - Series เพื่อพัฒนาศักยภาพนักบิดและการทำงานของทีมแข่งไทย ควบคู่ไปกับการมอบโอกาสและสนับสนุนดาวรุ่งนักบิดของไทยในการพัฒนาสู่การเป็นนักบิดอาชีพระดับโลก สร้างความแข็งแกร่งให้กับวงการมอเตอร์สปอร์ตไทยในอนาคต พร้อมเดินหน้าทำผลงานต่อเนื่องในการแข่งขันรายการ Idemitsu FIM Asia Road Racing Championship 2025 สนามที่ 4 สนามเปอร์ตามิน่า มัลดาลิกา อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต ประเทศอินโดนิเซีย

