'หมอพรทิพย์' ปลุกสู้ 'อมนุษภัย' ช่วยกันเติมน้ำดีให้ล้น ไล่น้ำเสียหมดไปจากแผ่นดิน

'หมอพรทิพย์' ปลุกสู้ 'อมนุษภัย' คนไม่เกรงกลัวต่อบาปเต็มสังคม ลั่น การรวมตัวที่จุฬาฯ เกิดมาจากพลังในหัวใจที่ถูกย่ำยีมานาน ต้องช่วยกันต่อยอด เติมเต็มซึ่งกันและกัน เติมน้ำดีให้ล้นไล่น้ำเสียหมดไปจากแผ่นดิน

16 ก.พ. 2567 - แพทย์หญิง คุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์ สมาชิกวุฒิสภา(สว.) โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ภายหลังร่วมกิจกรรมแสดงจุดยืนปกป้องสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และน้อมถวายกำลังใจทูลกระหม่อมฯ ที่ลานพระบรมราชานุสาวรีย์สองรัชกาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมาว่า

เหตุการณ์นี้ไม่ใช่การสร้างภาพชั่วคราว ไม่ใช่การรวมตัวเฉพาะกิจ ภัยที่เรียกว่าอมนุษภัยมีมาหลายรูปแบบ ภาวะนี้เกิดจากคนไม่กล้าแสดงออกในการทำความดี ใครทำดีแหลมออกก็มักไปคิดว่าของจริงไหม ไปหาเรื่องเขา ในขณะที่คนทำชั่วจะไม่ต้องคิดมากว่าเป็นสิ่งผิดหรือไม่ ความชั่วมันชัดเจน แถมยังเป็นจุดดึงให้คนที่อยากทำแบบเดียวกันมารวมตัว

ทั้งชีวิตหมอได้เรียนรู้เรื่องความดีจากธรรมชาติว่า

ความดีคือการปฏิบัติธรรม การทำสิ่งที่ถูกต้องในทางธรรม

ความดีเป็นอมตะ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา แม้เหลือเราเพียงคนเดียวก็ยังคงต้องมุ่งมั่นทำความดีตลอดไป

ธรรมชาติของกรรมเหมือนกระแสน้ำที่ไหลลงที่ต่ำ การกระทำความชั่วเป็นเรื่องง่ายไหลไปตามน้ำ การทำความดีจึงต้องตั้งใจ ต้องฝึกฝนให้แข็งแรง บางช่วงจังหวะเวลากระแสกรรมจะแรงจนเราอาจเผลอไผลไหลตามกระแสได้

ช่วงเวลานี้ที่เรียกว่า อมนุษภัย คือช่วงที่คนไม่เกรงกลัวต่อบาปเต็มสังคม

การฝึกความแข็งแรงให้สามารถทานกระแสกรรมจนสามารถตั้งมั่นทำความดีจนไปสู่เป้าหมายนิพพานจึงต้องผ่านบททดสอบที่เรียกว่าการผจญมาร ต้องสะสมความดี สะสมบุญ สร้างบารมี

ความดีไม่ต้องแข่งขันเหมือนความเก่ง เป็นของจริงที่ทุกคนทำได้เอง ความดีคือความดี ไม่มีใครดีที่สุด ไม่มีใครดีกว่าใคร ไม่เป็นภัยกับใคร ความดีเป็นของผู้ปฏิบัติดี

การรวมใจที่ปรากฎเมื่อวานเกิดมาจากพลังในหัวใจที่ถูกย่ำยีมานาน เมื่อถึงจุดกระทบใจจึงกล้าที่จะออกมารวมตัว จากนี้ไปต้องช่วยกันรักษาพลังนี้ ช่วยกันต่อยอด ช่วยกันเติมเต็มซึ่งกันและกัน น้ำดีจะไล่น้ำเสียได้ในอีกไม่นาน รัชกาลที่9พระโพธิสัตว์แห่งแผ่นดินไทยทรงรับสั่งไว้ให้เราได้มีสติคิด

ช่วยกันเติมน้ำดีให้ล้นไล่น้ำเสียหมดไปจากแผ่นดิน