กสม.ชี้กรณีทหารเกณฑ์วัย 18 ปี ถูกธำรงวินัยจนเสียชีวิต ละเมิดสิทธิในชีวิตและร่างกาย เตรียมส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด - คกก.ป้องกันการทรมานฯ เอาผิดตามกฎหมาย
29 ส.ค.2567 - นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏข่าวกรณีพลทหารวรปรัชญ์ พัดมาสกุล หรือน้องเน อายุ 18 ปี พลทหารผลัดที่ 1/67 สังกัดกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ (ค่ายนวมินทราชินี จังหวัดชลบุรี) บาดเจ็บและเสียชีวิตจากการธำรงวินัย (ถูกลงโทษ) ระหว่างการฝึก เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2567 ณ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ซึ่งผลการชันสูตรพบว่า อวัยวะภายในบอบช้ำ กระดูกสันหลังหัก ซี่โครงหัก และปอดฉีกรั่ว
ต่อมาเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2567 กองทัพบก ชี้แจงว่ากองทัพภาคที่ 1 ได้ดำเนินการทางวินัยต่อผู้บังคับบัญชาที่ขาดการกำกับดูแล จำนวน 3 ราย ตั้งแต่ระดับผู้บังคับหมวดจนถึงผู้บังคับกองพัน และพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาผู้กระทำความผิดซึ่งเป็นกำลังพลนายสิบและทหารกองประจำการ จำนวน 13 ราย ข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตายแล้ว นั้น
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้ติดตามข่าวกรณีดังกล่าว ประกอบกับได้รับเรื่องร้องเรียนกรณีทหารกองประจำการ (ทหารเกณฑ์) ถูกทำร้ายร่างกาย ถูกธำรงวินัย จนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตขณะเข้ารับการฝึกมาอย่างต่อเนื่อง มีความเห็นว่า กรณีพลทหารวรปรัชญ์ อาการป่วยและการเสียชีวิตน่าจะเกิดจากถูกธำรงวินัย (ถูกลงโทษ) ระหว่างการฝึกทหารใหม่ในเดือนมิถุนายน 2567 ซึ่งมีข้อมูลยืนยันว่า พลทหารวรปรัชญ์ ถูกเตะ ต่อย กระทืบ ให้เข้าเวรยาม 24 ชั่วโมงต่อเนื่อง และถูกบังคับให้ดื่มปัสสาวะตนเอง จนสภาพร่างกายทนไม่ไหวและมีอาการป่วย แต่หน่วยงานไม่ส่งตัวไปรักษา ต่อมาเมื่ออาการป่วยรุนแรงจึงส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลค่าย และโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ตามลำดับ จนกระทั่งเสียชีวิตในเวลาต่อมา
กสม. เห็นว่าการธำรงวินัยและวิธีลงโทษของครูฝึก ครูผู้ช่วย รวมถึงกำลังพลที่เกี่ยวข้องที่กระทำต่อเนื้อตัวร่างกายของพลทหารวรปรัชญ์ ถือเป็นการลงโทษที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ อันขัดต่อกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights: ICCPR) ข้อ 7 ที่ให้การคุ้มครองสิทธิของบุคคลที่จะไม่ถูกทรมานหรือประติบัติหรือลงโทษที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรมหรือต่ำช้า โดยที่การลงโทษโดยการให้ดื่มปัสสาวะ การเตะ ต่อย หรือรุมกระทืบ เป็นการกระทำในลักษณะการลดทอนคุณค่าหรือศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานความเป็นมนุษย์อย่างร้ายแรง อันถือเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 ซึ่งหากผู้บังคับบัญชาทราบแต่ไม่ดำเนินการเพื่อระงับการกระทำความผิดดังกล่าวย่อมต้องรับผิดกับผู้ใต้บังคับบัญชาตามกฎหมายนี้ด้วย
“กสม. เห็นว่ากรณีดังกล่าวซึ่งมีการกระทำทรมานจนเป็นเหตุให้พลทหารได้รับอันตรายจนถึงแก่ชีวิตนั้น การดำเนินการทางวินัยและการดำเนินคดีอาญาข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น อาจไม่เพียงพอและครบถ้วนตามพฤติการณ์แห่งการกระทำ ดังนั้น กสม. จะส่งเรื่องให้สำนักงานอัยการสูงสุด (อส.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย ตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ เพิ่มเติม เพื่อเป็นการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน และป้องกันมิให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ครอบครัวผู้ตาย ซึ่งจะต้องมีการฟื้นฟูเยียวยาความเสียหายทั้งด้านร่างกายและจิตใจต่อไป”นายวสันต์กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อัยการวัชรินทร์ ตั้งทีมงานชุดใหญ่สอบคดีกัมพูชายิงถล่มไทย เอาผิดฮุนเซน-ฮุนมาเนต
ผบช.ภ.3 ส่งสำนวนเขมรยิงระเบิดใส่ไทย ให้ อสส.เเล้ว "วัชรินทร์" อธ.อัยการสอบสวน เตรียมตั้งคณะทำงานเกือบยกสำนักงาน ลุยคดีให้ 2 พ่อลูกตระกูลฮุนรับผิดชอบความสูญเสีย
ศาลอาญาไฟเขียว อัยการขยายยื่นอุทธรณ์อีก 30 วัน คดี 'ทักษิณ' หมิ่นเบื้องสูง
ศาลอาญาพิจารณาคำร้องขอขยายอุทธรณ์ของพนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา8แล้ว มีคำสั่งอนุญาตให้ขยายอุทธรณ์จนถึงวันที่ 19 ธันวาคมนี้ เป็นเวลาประมาณ 30 วัน ที่พนักงานอัยการฯมีเวลายื่นอุทธรณ์คดีนี้ได้
อัยการยื่นขยายเวลาอุทธรณ์คดี 112 ของทักษิณ หวั่นร่างอุทธรณ์เสร็จไม่ทันกำหนด
อัยการยื่นขยายอุทธรณ์ครั้งที่ 3 คดี “ทักษิณ” หมิ่นเบื้องสูง กันเหนียว หลังความเห็นให้อุทธรณ์ของ อสส.ส่งมาอัยการกองคดีอาญาเเล้ว เเต่อยู่ระหว่างร่างอุทธรณ์
กูรูใหญ่โชว์กึ๋น ’อุทธรณ์คดี112’ ข่มเหงรังแก ‘ทักษิณ’ เพื่อไทยจะกลับมายิ่งใหญ่!
นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย โพสต์เฟซบุ๊กว่าเล่นงานทักษิณกัน จนกระแสนิยมพลิกกลับไปสู่พรรคเพื่อไทยแล้ว จะได้ผลตรงกันข้าม ทำให้ทักษิณกลายเป็นวีรบุรุ
เลขาฯกฤษฎีกา มองอุทธรณ์คดี 112 'ทักษิณ' ขอพักโทษได้ แต่ต้องรับโทษแล้ว 1 ใน 3
นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวถึงกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกต ว่าการอุทธรณ์ของอัยการสูงสุด คดี 112 ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะทำให้ไม่สามารถขอพักโทษจากคดีสืบเนื่องจากชั้น 14 ได้จริงหรือไม่
คดี 112 ทักษิณ และภาษีชินคอร์ป ความเชื่อแซงหน้ากระบวนการยุติธรรม
กลางเดือนพฤศจิกายน 2568 ชื่อของ “ทักษิณ ชินวัตร” กลับมาถูกพูดถึงอีกครั้งจากสองคดีสำคัญที่มีผลออกมาในช่วงใกล้กัน ทั้งคำ


