กสม. เตือนรัฐบาล ส่งชาวอุยกูร์กลับต้นทาง เสี่ยงละเมิดสิทธิมนุษยชน-กระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
27 ก.พ.2568 - น.ส.หรรษา หอมหวล เลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กล่าวว่า กสม. ได้ติดตามข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับการเตรียมส่งชาวอุยกูร์กลับประเทศต้นทาง ด้วยความห่วงกังวลอย่างยิ่งว่าการดำเนินการดังกล่าวจะทำให้ชาวอุยกูร์ตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะได้รับอันตรายต่อชีวิต อันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานและขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนที่สำคัญ ได้แก่ การไม่ผลักดันบุคคลไปสู่อันตราย (Non-refoulement principle) และขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศและพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนของไทยอย่างร้ายแรง ทั้งพันธกรณีตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) และตามอนุสัญญาต่อต้านการทรมาน และการประติบัติหรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี (CAT) นอกจากนี้ยังจะกระทบต่อสถานะของประเทศไทยในประชาคมโลก ตลอดจนต่อความสัมพันธ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจระหว่างไทยกับมิตรประเทศที่สำคัญ
ด้วยเหตุผลดังกล่าว ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ จึงมีหนังสือด่วนที่สุด ลงวันที่ 27 ก.พ 2568 ถึงนายกรัฐมนตรี แจ้งข้อห่วงกังวลต่อการส่งชาวอุยกูร์กลับประเทศต้นทาง โดยขอให้พิจารณาเรื่องนี้ ดังนี้
1.การส่งชาวอุยกูร์กลับประเทศต้นทางจะกระทบต่อความน่าเชื่อถือของไทยในฐานะสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (HRC) เนื่องจากขัดต่อเจตนารมณ์และคำมั่นของประเทศไทยที่จะส่งเสริมการเคารพและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่ได้ให้ไว้ในการรณรงค์หาเสียงในการสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิก HRC การที่ไทยได้รับเลือกเป็นสมาชิก HRC เมื่อเดือนต.ค2567 ที่ผ่านมาด้วยคะแนนสูงที่สุด สะท้อนให้เห็นว่าประเทศต่าง ๆ มีความเชื่อมั่นต่อนโยบาย ความมุ่งมั่น และการดำเนินการของไทยในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในหลายด้าน เช่น การออกกฎหมายเพื่อป้องกันและปราบปรามการทรมานและการทำให้บุคคลสูญหาย ตามพันธกรณีในอนุสัญญา CAT ได้อย่างมีประสิทธิผล การดูแลผู้หนีภัยสู้รบชาวเมียนมา การแก้ไขปัญหาสถานะและสิทธิของบุคคล เป็นต้น
2.กลุ่มประเทศมุสลิมหลายประเทศ รวมทั้งองค์การความร่วมมืออิสลาม (Organization of Islamic Cooperation: OIC) ได้มีท่าทีและติดตามสถานะของเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การส่งกลับชาวอุยกูร์ซึ่งเป็นกลุ่มชนที่นับถือศาสนาอิสลาม จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกลุ่มประเทศมุสลิมทั้งในอาเซียนและโดยเฉพาะอย่างยิ่งในตะวันออกกลาง รวมถึงอาจกระทบต่อความสัมพันธ์กับ OIC ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อความพยายามของไทยในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และอาจส่งผลให้สถานการณ์กลับมาทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น อันจะกระทบต่อสิทธิและความปลอดภัยในชีวิตของประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งสวนทางกับนโยบายของรัฐบาลที่จะนำความสงบคืนสู่จังหวัดชายแดนภาคใต้และตั้งเป้าที่จะยกเลิกการบังคับใช้กฎหมายด้านความมั่นคงในพื้นที่ภายในปี 2570
3.การส่งชาวอุยกูร์กลับยังจะส่งผลกระทบต่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างไทยกับประเทศตะวันตก ซึ่งให้ความสำคัญอย่างมากกับการเคารพสิทธิมนุษยชนในการดำเนินนโยบายต่างประเทศ นอกจากนี้ อาจมีผลต่อการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของไทยที่นักลงทุนต่างชาตินำมาประกอบการพิจารณานำเงินมาลงทุน ทั้งนี้ หากการค้าการลงทุนจากต่างประเทศลดลง ย่อมมีผลกระทบต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยในสภาวะผันผวนทางเศรษฐกิจของโลก รวมถึงต่อมาตรฐานการครองชีพและความกินดีอยู่ดีของประชาชนไทยเอง
4.ประเทศไทยมีวิวัฒนาการในการพัฒนาประเทศมาหลายทศวรรษ ทั้งในบริบทของการเมือง สังคม เศรษฐกิจ จนมีศักดิ์ศรีและสถานะเป็นที่ยอมรับในประชาคมระหว่างประเทศว่ายึดมั่นในหลักการสากลและพันธกรณีระหว่างประเทศโดยเฉพาะด้านสิทธิมนุษยชน กสม. จึงขอกราบเรียนมาเพื่อนายกรัฐมนตรีทบทวนนโยบายการส่งกลับดังกล่าวโดยเร่งด่วน เพื่อไม่ให้ประเทศไทยสูญเสียการยอมรับที่พัฒนามายาวนานข้างต้น และกระทบต่อประโยชน์ของประเทศและประชาชนโดยรวม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กสม.ออกแถลงกรณ์ห่วงไทยส่งผู้ลี้ภัยชาวมองตานญาดกลับเวียดนาม!
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ออกแถลงการณ์
กสม. มีมติสอบ 'คุก VIP' ส่อละเมิดสิทธิ เรียกหน่วยเกี่ยวข้องแจง
'กสม.' มีมติตรวจสอบ กรณีพบห้องวีไอพีของผู้ต้องขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ส่อเลือกปฏิบัติละเมิดสิทธิ จ่อเชิญหน่วยเกี่ยวข้องให้ข้อมูล
ในประเทศที่เสรีภาพดังขึ้นทุกวัน แต่เสียงของมารยาทเบาลงเรื่อย ๆ
แผ่นดินไทยในยุคนี้เต็มไปด้วยเสียงของการแสดงออก ใคร ๆ ก็พูดได้ คิดได้ โพสต์ได้ และเชื่อว่าการส่งเสียงของตนคือส่วนหนึ่งของประชาธิปไตย
กสม. บี้กลาโหม เลิกทำบัญชีดำ-ไอโอคนเห็นต่าง ชี้ละเมิดสิทธิ
กสม. ตรวจสอบปมหน่วยมั่นคง จัดทำบัญชีกลุ่มเป้าหมายบุคคลและองค์กรเฝ้าระวัง พร้อมใช้ IO โจมตี ชี้ละเมิดสิทธิ มีมติให้กลาโหมยกเลิก
กรรมการสิทธิฯ ออกแถลงการณ์ กังวล 'สว.อังคณา' ถูกข่มขู่คุกคามเพราะความเห็นต่าง
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เผยแพร่แถลงการณ์ เรื่อง ขอให้ทุกฝ่ายเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่าง และไม่ยอมรับการสร้างความเกลียดชัง โดยมีรายละเอียดดังนี้
กลุ่มสว.พันธุ์ใหม่ แถลงป้อง 'อังคณา' ขอทุกฝ่ายรักชาติอย่างมีสติ มีวุฒิภาวะ
กลุ่มสว.พันธุ์ใหม่ แถลงเรียกร้อง รัฐบาล-หน่วยงาน คุ้มครองปัญหาข่มขู่คุกคาม ป้อง "อังคณา" เป็นเพียงผู้ส่งสาร ไม่ควรมีความผิดใด ๆ ขอ ปชช. อย่าปฏิเสธเรื่องสิทธิมนุษยชน หวั่น เสียเปรียบในเวทีโลก วอน ทุกฝ่ายรักชาติอย่างมีสติ


