
ชื่อทักษิณ เป็นปัญหาของประเทศ ยิ่งห้ามแตะต้อง กลับนำสถานการณ์เลวร้ายมาวนซ้ำทำผิด บ้านเมืองวนลูปจำเจ ย้ำถ้าบ่อนกาสิโนเข้า ครม. 11 มี.ค. นำต่อต้านทันที หวังผลสอบแพทยสภาช่วยหยุดยั้งหายนะ
9 มี.ค. 2568 – นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ ว่า ทักษิณ ชินวัตร คนที่เชื่อว่า อยู่เบื้องหลังผลักดันโครงการปัญหาหลากหลายของรัฐบาล และกลายเป็นบุคคลแตะต้องไม่ได้ แม้แต่ยังถูกห้ามระบุในญัตติอภิปรายไม่วางใจ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ลูกสาว
อีกทั้งกล่าวว่า การแตะต้องชื่อทักษิณ ไม่ได้ในการอภิปรายฯ นั้น เป็นความวิตกกังวลทางการเมืองที่เกินกว่าเหตุ แต่ถึงที่สุดแล้วอยู่ที่ใครจะใจแข็งกว่ากัน เมื่อฝ่ายค้ายไม่ยอมลบชื่อทักษิณ ออก ขณะที่นายวันนอร์ ประธานสภา ขู่มีชื่อทักษิณจะไม่ยอมบรรจุวาระประชุม เพราะกลัวถูกฟ้อง ดังนั้น ชื่อทักษิณ คือความยากลำบากของสถานการณ์ไม่ปกติที่ปัญหาทยอยรุมเร้าเข้าหาทักษิณและรัฐบาลนายกฯ ลูกสาว แล้วทำให้สถานการณ์บ้านเมืองต้องวนลูปอีก
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์อันน่าวิตกส่วนสำคัญคาบเกี่ยวกับผลสอบของแพทยสภา ซึ่งไม่รู้สอบสวนจรรยาบรรณแพทย์ รพ.ตำรวจและราชทัณฑ์ รักษาอาการป่วยของทักษิณจริงหรือไม่ ไปถึงขั้นตอนไหนแล้ว แต่คาดกันว่า การตรวจสอบของแพทยสภาเป็นการเร่งอุณหภูมิการเมืองให้ร้อนแรงขึ้น โดยประเมินจากศาลอาญาไม่อนุญาตให้ทักษิณไปอินโดนีเซียตามคำขอ จึงเชื่อมโยงถึงอาการความน่าวิตกกังวลได้ส่วนหนึ่ง
นอกจากนี้ ศาลฎีกายังไม่กำหนดวันประชุมใหญ่พิจารณารับหรือไม่รับไต่สวนคำร้องของนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ ซึ่งยืนให้บังคับโทษนำทักษิณ กลับไปติดคุก 1 ปี ดังนั้น ผลสอบของแพทยสภาย่อมเป็นสิ่งสำคัญให้การพิจารณาของศาลฎีกาดำเนินไปได้รวดเร็วขึ้น
“แม้ศาลอาญาไม่อนุญาตให้ทักษิณ ออกนอกประเทศ และเริ่มได้กลิ่นสถานการณ์ไม่ปกติแล้วว่า ผลสอบของแพทยสภาใกล้แล้วเสร็จมาทุกขณะ ซึ่งจะส่งผลถึงการสอบสวนชั้น 14 ของ ปปช.ด้วย ดังนั้น ผลสอบของแพทยสภาจึงเป็นตัวล็อกการทำหน้าที่ขององค์กรถัดไปในการตรวจสอบปัญหากรณีชื่อทักษิณเข้าไปพัวพัน” นายจตุพร กล่าว
ขณะเดียวกัน สถานการณ์ร้อนของทักษิณ เริ่มถูกเร่งขึ้นมาอีก เมื่อนายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.สำนักนายกฯ บอกว่า ร่าง พรบ.สถานบันเทิงครบวงจร หรือเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ (บ่อนกาสิโน) จะเข้า ครม.วันที่ 11 มี.ค.นี้ เพราะเป็นเรื่องเร่งด่วน ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มเร่งการขัดขวางแตกหักของฝ่ายประชาชนด้วยเช่นกัน
นายจตุพร กล่าวว่า รัฐบาลพรรคเพื่อไทยพยายามนำร่างกฎหมายบ่อนกาสิโนเข้า ครม.หลายครั้ง แต่ทำได้แค่ยึกยักตรวจสอบการต่อต้านจากฝ่ายประชาชน อย่างไรก็ตาม กรณีบ่อนกาสิโน จึงชี้ถึงสถานการณ์ไม่ปกติที่อ้างถึงไฟเขียวให้ทักษิณ ปฏิบัติทุกอย่างได้สะดวกนั้น คงไม่มีอยู่จริง เพราะถ้ามีจริงแล้ว ข้าราชการทุกสังกัดคงไม่กล้าขวางความต้องการ
ยิ่งการขวางของข้าราชการโดยเฉพาะตำรวจ ในกรณีประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ขอมติดำเนินคดีฮั้ว สว. ได้สะท้อนถึงอำนาจสั่งการส่อมีปัญหาควบคุม และเป็นสถานการณ์ไม่แตกต่างจากยุคปลายของอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ควบคุมข้าราชการไม่ได้แม้กระทรวงเดียว แล้วอำนาจบริหารของรัฐบาลก็ล่มไม่เป็นท่าในปี 2557
ดังนั้น ถ้าประเมินโดยสภาวะแวดล้อม จะสัมผัสได้ว่า อะไรกำลังจะเกิดขึ้น ยกเว้นจะเข้าข้างตัวเองแบบสว่างจนมองไม่เห็น ยิ่งสัญญาณในกรณี กคพ. และศาลอาญาไม่อนุญาตให้ไปอินโดนีเซีย สิ่งนี้ทักษิณ จะไม่คิดเลยหรือว่า ความเชื่อมั่นอำนาจเริ่มถดถอยและมีปัญหาไม่สนองตอบต่อพฤติกรรมเอาแต่ได้ของตัวเอง
“ถ้ากรณีชั้น 14 เริ่มงวดเข้ามาอยู่ใกล้กับช่วงร่าง พรบ.กาสิโนเข้า ครม.เร่งด่วน วันนั้นสถานการณ์จะไม่แตกต่างจากร่าง พรบ.สุดซอยกับคดีโครงการจำนำข้าวมาบรรจบกันในสมัยยิ่งลักษณ์ ดังนั้น หากฝ่ายประชาชนจุดไม่ติด แสดงว่าบ้านเมืองนี้จำนนต่ออำนาจ ยอมให้มีบ่อนกาสิโนและพนันออนไลน์เสรีถูกกฎหมาย”
นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อรัฐบาลอ้างถึงการตั้งบ่อนกาสิโน โดยยึดหลักการดึงนักท่องเที่ยวนำรายได้เข้าไทย ย่อมแสดงถึงเจตนาห้ามคนไทยเข้าบ่อน ส่วนคณะกรรมการกฤษฎีกากำหนดให้คนไทยมีเงินฝาก 50 ล้านเข้าเล่นพนันได้ จึงสะท้อนถึงการปกป้องคนไทย จึงถูกต้องกับเจตนาของรัฐบาล แล้วพรรคเพื่อไทยไม่พอใจทำไม อีกทั้งยิ่งไม่ให้มีการพนันออนไลน์ ก็ไม่มีใครมาลงทุนตั้งบ่อนเช่นกัน
ไม่แตกต่างกันกับกรณีแลนด์บริดจ์ ถ้าไม่อนุญาตให้นักลงทุนต่างชาติเช่าที่ดิน 3 แสนไร่ได้นาน 99 ปี ก็คงไม่มีนักลงทุนมาทำถนน สร้างระบบรถราง และวางท่อ เพื่อถ่ายเทและขนตู้คอนเทนเนอร์เชื่อมไปมาระหว่างท่าเรือฝังอ่าวไทยกับอันดามัน ดังนั้น เมื่อแลนด์บริดจ์ไม่แถมที่ดินล่อใจ ก็ไม่มีใครมาลงทุนเหมือนกัน
อีกทั้งย้ำว่า หากเสนอกฎหมายตั้งบ่อนมาก่อนผลสอบกรณีชั้น 14 รพ.ตำรวจ สถานกาณ์เช่นนี้คนไทยต้องลุกขึ้นมาขวาง เพราะเท่ากับต่อต้านการพนันออนไลน์ที่จะตามมาสร้างความฉิบหายครั้งใหญ่กับบ้านเมือง
ดังนั้น ถ้าบ่อนกาสิโนไม่เกิดขึ้น การพนันออนไลน์ย่อมโผล่มาเสรีบนดินไม่ได้ ดังนั้น ประชาชนจึงควรต่อต้านบ่อนกาสิโน เพื่อไม่ให้สิ่งเลวร้ายมาทำไทยให้กลายเป็นแหล่งฟอกเงิน และก่อความเสียหายมโหฬารกับอนาคตลูกหลานของประเทศ
“ถ้าร่างกฎหมายบ่อนเข้า ครม.วันใด พวกผมจะแสดงตัวออกมาต่อต้านอย่างสุดความสามารถทันที และวัดใจพี่น้องคนไทยทั้งหลายจะมาร่วมแสดงพลังรักชาติบ้านเมือง ซึ่งไม่ได้หวังคนมาเป็นล้าน แต่ขอให้มาเท่าที่มากันได้ เพราะการต่อสู้ครั้งนี้เราต้องก้าวข้ามความรู้สึกเดิมที่แบ่งแยกกันเพื่อมาร่วมต่อต้านบ่อนกาสิโนภัยร้ายเฉพาะหน้านี้ก่อน เพราะถ้าไม่หยุดแล้ว ในอนาคตเราจะหยุดมันยากที่สุด” นายจตุพร ย้ำ
พร้อมทั้งกล่าวว่า การต่อสู้ครั้งนี้เป็นเรื่องยากที่สุดเท่าที่เคยต่อสู้มา เพราะเป็นการสู้กับอำนาจที่ไม่รู้จัดพอ ไม่รู้ชั่ว-ดี และเป็นพวกที่ไร้ความรู้สึกใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งคนพวกนี้ไม่รู้จักรับผิดชอบต่อชาติบ้านเมือง ดังนั้น คนที่จะมาหยุดสิ่งเลวร้ายต่างๆ เหล่านี้ได้ คือ พี่น้องประชาชนเพื่อภารกิจของคนรุ่นอนาคตได้อยู่กับประเทศปลอดอบายมุขเสรี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'อิ๊งค์' โพสต์ภาพคู่ 'ทักษิณ' สุขสันต์วันพ่อ อดทนไว้ เราจะได้ไปเที่ยวรอบโลกด้วยกัน
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย โพสต์ภาพถ่ายร่วมกับนายทักษิณ ชินวัตร พร้อมระบุข้อความผ่านอินสตาแกรมว่า
'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ 'เบน สมิธ' ต้องรุกกลับปราบสแกมเมอร์ให้สิ้นซาก
'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่าพะวงกับรูปถ่ายร่วมเฟรม 'เบน สมิธ' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ อ้างไม่สนิท จี้ปฏิบัติให้จริง รุกกลับปราบ'แก๊งสแกมเมอร์' ให้ราบคาบจากไทย ลั่นรู้นะ คนปล่อยรูปหวังทำลายการเมือง
หยิกเล็บเจ็บเนื้อ! 'ภท.-พท.' โต้เดือดพัวพัน 'เบน สมิธ'
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า กรณีเบน สมิธ : ภูมิใจไทย-เพื่อไทย หยิกเล็บเจ็บเนื้อ
รู้จักน้อยไปจริง! กระทุ้ง 'อนุทิน' เผยตัวตนให้มากขึ้น
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า หรือเรารู้จักท่านนายกรัฐมนตรีน้อยไปจริงๆ
'วันนอร์' นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้รัฐธรรมนูญ วาระ 2
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ได้มีคำสั่งให้นัดประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 1 (สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ ระหว่างวันที่ 10 ธ.ค. และ ครั้งที่2 (สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ วันที่ 11 ธ.ค. เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่..) พ.ศ... ในวาระสอง ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.)
'ทักษิณ' ร่วมเวที 'เสก โลโซ' ร้องเพลงใจสั่งมา ในเรือนจำกลางคลองเปรม
"ทักษิณ" ขึ้นเวทีเรือนจำฯ ควงไมโครโฟนร้องเพลง "ใจสั่งมา" บรรยากาศอบอุ่นมวลความสุข เพื่อนผู้ต้องขังกว่า 1,000 คน ต่างลุกโชว์สเต็ปแด๊นซ์


