ดร.เสรี จวกตรรกะวิบัติ 'โกงไม่เป็นไร' ทำชาติถอยหลัง

ดร.เสรี วงษ์มณฑา จวกยับปมตรรกะ ‘โกงไม่เป็นไร ขอแค่ประชาชนมีกิน’ ที่สะท้อนความเสื่อมของสังคมไทย พร้อมตั้งคำถามถึงผลงานรัฐบาลที่เคยหาเสียงด้วยนโยบายประชานิยมใหญ่โต แต่วันนี้เศรษฐกิจถดถอยอย่างหนัก และคนไทยยังเลือก “ของฟรี” โดยไม่คิดถึงอนาคตชาติ

26 พฤษภาคม 2568 - ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์เฟซบุ๊กว่า ด้อมแดงมนุษย์ป้าคนหนึ่งบอกว่า"โกงไม่เป็นไร ประชาชนมีกินมีใช้" ตรรกะวิบัติแบบนี้แหละที่ทำให้บ้านเมืองเราได้รัฐบาลอย่างที่เป็น

อีกป้าหนึ่งบอกว่า "ท่านเก่งที่สุดแล้ว ไม่ใครเก่งสู้ท่านได้" คงมองความเก่งที่คิดโครงการประชานิยม มาแจกโน่นให้นี่สินะ ไม่สนใจว่าคนเก่งที่ว่านั้นโกงเก่งไหม

พรรคหาเสียงว่าเป็นพรรคที่ "คิดใหญ่" ทำเป็น เจ้าของพรรคก็โม้ว่าเศรษฐกิจไทย ถ้าไม่ใช่เขา ก็ไม่มีใครจะแก้ได้ แล้วตอนนี้เป็นไง แก้อะไรได้บ้าง

หุ้นตก ตลาดเหงา ร้านค้าแย่ต้องปลดคนงาน ต้องปิดตัวลง ยอดขายร่วง ส่งออกทรุด ท่องเที่ยวหด ข้าวของราคาแพง ผู้คนตกงาน แก้อะไรได้บ้าง

ที่แหกปากตะโกนบนเวทีหาเสียงว่าถ้าได้เป็นรัฐบาล ประชาชนจะ "มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ไปพร้อมๆกัน" มันเป็นจริงไหมล่ะ หาเสียงไว้ ทำอะไรได้บ้าง

ที่สัญญาไว้ ไม่ได้ทำ ที่ไม่ได้สัญญาไว้กลับเร่งรัดที่จะทำ วาระแก่งชาติไม่สนใจ แต่กลับพยายามที่จะทำสิ่งที่เป็นวาระส่วนตัว เป็นประโยชน์ส่วนตัว

ตอนนี้โอดครวญไปตามๆกัน ทั้งคนที่เลือกพวกเขามา และคนไม่ได้เลือก เดือดร้อนไปตามๆกัน ในระดับแสนสาหัส

แต่เชื่อเถอะ คนที่เคยเลือกเขา เมื่อมีการเลือกตั้ง ก็จะเลือกพวกเขาอีก เพราะอยากได้จองแจก อยากแ_กของฟรี ไม่จำ ไม่เข็ด เห็นแก่ได้ต่อไป

จะหวังอะไรกับชาวบ้าน ขนาด สส. ผู้ทรงเกียรติ มีความรู้ มีประสบการณ์ยังยินดีเป็นขี้ข้ารับใช้คนชั่วแบบถวายหัวโดยไม่มีความละอาย

ถ้าหากคนไทยจำนวนหนึ่ง (จำนวนมากเสียด้วย) ยังต้องการผลประโยชน์จากคนชั่ว ยกย่องคนชั่ว นับถือคนชั่ว บ้านเมืองเราคงเสื่อมถอยไปเรื่อยๆ

ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา จะปล่อยให้ประเทศไทยเป็นเช่นนี้กันอีกนานแค่ไหน จะต้องรอให้ประเทศพินาศก่อนที่จะรู้สึกกันใช่ไหม

ประเทศไม่ได้เสียหายเพราะนักการเมืองชั่วๆบางคนเท่านั้น แต่เป็นเพราะประชาชนที่โง่และเห็นแก่ได้เลือกนักการเมืองเจ้าของนโยบายประชานิยม

จะเป็นไทยเฉยกันอีกนานแค่ไหนคะ

ไม่คิดอ่านทำอะไรเพื่อ save ประเทศไทยบ้างหรือคะ

 

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

พฤฒสภา คือ สภาปรีดี จริงหรือ ? (31)

ก่อนจะเกิดรัฐธรรมนูฉบับที่ 4 หรือรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2490 เรามีรัฐธรรมนูญฉบับที่ 2 คือฉบับ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475

รัฐบาลพรรคเดียวในทางทฤษฎี กับการเมืองจริงของพรรคส้ม

พรรคประชาชน หรือที่ถูกเรียกกันทั่วไปว่า “พรรคส้ม” ตั้งเป้าหมายทางการเมืองไม่ใช่แค่การชนะเลือกตั้ง แต่คือการได้เสียงเกินครึ่งสภา มากกว่า

สถานการณ์แรงงานข้ามชาติปี 2568 จับตาพรรคการเมืองปั่นกระแส บิดเบือนข้อมูลเพื่อโจมตีทางการเมือง

เข้าสู่ช่วงนับถอยหลังกำลังจะผ่านพ้นไปแล้วสำหรับปี 2568 หลายภาคส่วนมีการวิเคราะห์-สรุปสถานการณ์ในด้าน”การเมือง-เศรษฐกิจ-สังคม-สิ่งแวดล้อม-เทคโนโลยี

ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ บทบาทใหม่ บนถนนการเมือง หวั่นใช้ทุนเทาซื้อเสียงเลือกตั้ง!

สนามเลือกตั้งเมืองหลวง ประเทศไทย"กรุงเทพมหานคร"เป็นอีกหนึ่งสนามเลือกตั้งที่คนทั้งประเทศจับตามองกันว่าผลการเลือกตั้ง 8 ก.พ.2569 "พรรคประชาชน"