นักวิชาการ แนะนำวิธีแก้ปัญหาเพื่อนบ้านชนะโดยไม่ต้องรบ

8 มิ.ย. 2568  – นายกมล กมลตระกูล นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความ หัวข้อ ชนะโดยไม่ต้องรบ กรณีศึกษาเรื่องศาลโลกที่ประเทศใหญ่ไม่ยอมรับ ไทยควรเดินเกมส์การทูตเชิงรุก โดยประกาศไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลโลกในปี 2005 เหมือนอเมริกาที่ไม่ยอมรับคำตัดสินและไม่ปฏิบัติตามคำตัดสิน

ทั้งนี้เพื่อให้สถานะของปราสาทเขาวิหารที่ถูกตัดสินไปแล้ว อยู่ในสถานะ คาราคาซัง เหมือนกรณี เกาะเตียวหุย ที่จีน พิพาทกับญี่ปุ่น กรณีพรมแดน อินเดีย ปากีสถาน กรณีอินเดีย จีน กรณีพรมแดน จีน รัสเซีย กรณีการอ้างครอบครองเกาะ ระหว่างญี่ปุ่นกับเกาหลี เป็นต้น  ประเทศใหญ่ ๆ เช่น สหรัฐอเมริกา จีน อินเดีย และญี่ปุ่น ไม่ยอมรับเขตอำนาจของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of Justice – ICJ) หรือรับแบบมีเงื่อนไข ส่วนหนึ่งเพราะเหตุผลด้าน อธิปไตย ผลประโยชน์แห่งชาติ และการเมืองระหว่างประเทศ โดยสามารถแจกแจงเหตุผลได้ดังนี้:

✅1. อธิปไตย (Sovereignty)

ประเทศมหาอำนาจมักต้องการรักษาสิทธิ์ในการตัดสินใจเองในทุกเรื่อง ไม่ต้องการให้ศาลระหว่างประเทศมีอำนาจเหนือการตัดสินใจของตน

• หากยอมรับอำนาจของ ICJ อย่างไม่มีเงื่อนไข ก็อาจต้องปฏิบัติตามคำตัดสินที่ขัดกับผลประโยชน์ของตน

• อาจสูญเสียอิสรภาพทางการเมืองหรือการทหารในบางกรณี

✅2. ความเสี่ยงต่อข้อพิพาทที่เสียเปรียบ

ประเทศใหญ่มักมีข้อพิพาทกับประเทศเพื่อนบ้านหรือกับกลุ่มอื่น เช่น:

• สหรัฐฯ มีข้อพิพาทเรื่องสงคราม อาวุธ หรือการคว่ำบาตร

• จีนมีข้อพิพาททะเลจีนใต้ ไต้หวัน

• อินเดียมีปัญหากับปากีสถาน

• ญี่ปุ่นมีข้อพิพาทกับจีน/เกาหลีใต้เกี่ยวกับหมู่เกาะ

การเข้าสู่กระบวนการของ ICJ โดยสมบูรณ์อาจเสี่ยงต่อการถูกฟ้องและคำตัดสินที่เสียเปรียบ

✅3. ระบบ ICJ เองไม่มีอำนาจบังคับ (Enforcement Problem)

แม้ ICJ จะตัดสินคดี แต่ไม่มีอำนาจบังคับใช้จริง ๆ

• ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของประเทศคู่กรณี

• หากประเทศไม่ยอมรับคำตัดสิน ต้องส่งต่อเรื่องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ซึ่งประเทศมหาอำนาจก็มี สิทธิยับยั้ง (veto) ได้อยู่ดี

✅4. ตัวอย่างพฤติกรรมจริงของแต่ละประเทศ

• สหรัฐฯ: ถอนการยอมรับเขตอำนาจ ICJ หลังแพ้คดี Nicaraguan case (1986) ที่ถูกฟ้องว่าใช้กำลังแทรกแซง

• จีน: ไม่ยอมรับคำตัดสินของ PCA (ศาลอนุญาโตตุลาการถาวร) ปี 2016 เรื่องทะเลจีนใต้ และไม่ยอมรับข้อเสนอเข้าสู่ ICJ ในหลายกรณี

• อินเดีย: ยอมรับเขตอำนาจแบบจำกัดเท่านั้น และไม่ยอมรับคดีที่เกี่ยวกับความมั่นคงหรือชายแดน

• ญี่ปุ่น: เคยยอมรับเขตอำนาจแบบทั่วไป แต่หลังมีคดีจากเกาหลีใต้และจีน เริ่มจำกัดมากขึ้น

✅5. เหตุผลเชิงภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitical Strategy)

ประเทศมหาอำนาจมองว่าการตัดสินใจทางการทูต ทหาร หรือเศรษฐกิจ ควรอยู่ในการควบคุมของรัฐบาลตนเอง

• การไปอยู่ในระบบที่ควบคุมไม่ได้ เช่น ICJ ถือเป็นการเสียเปรียบ

• การใช้การเจรจาแบบทวิภาคี (bilateral) หรือพหุภาคี (multilateral) ยังมีอิทธิพลและความได้เปรียบมากกว่า

📌สรุป:

ประเทศมหาอำนาจไม่ยอมรับเขตอำนาจศาลโลกเต็มรูปแบบ เพราะ:

• ไม่ต้องการผูกพันทางกฎหมายกับกลไกที่ควบคุมไม่ได้

• ปกป้องอธิปไตยและผลประโยชน์ของตน

• ใช้สิทธิตามกลไกสหประชาชาติ เช่น การ veto

• และในบางกรณี เพราะเคยมีประสบการณ์ “เสียเปรียบ” หรือ “แพ้คดี” มาก่อน

การวิเคราะห์เชิงลึกของกรณี จีน และ สหรัฐอเมริกา ที่ไม่ยอมรับหรือจำกัดอำนาจของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ):

🇨🇳กรณีของจีน

✅ท่าทีโดยรวม:

จีนไม่ได้ยอมรับ “เขตอำนาจภาคบังคับ” ของ ICJ โดยทั่วไป (compulsory jurisdiction)

และมักจะ ไม่ยินยอมเข้าสู่กระบวนการ เมื่อถูกเสนอให้ใช้ ICJ ในการแก้ไขข้อพิพาทระหว่างประเทศ

✅เหตุผลหลัก:

1. หลักอธิปไตย: จีนยึดมั่นในหลัก “ไม่แทรกแซงกิจการภายใน” และต้องการควบคุมข้อพิพาทผ่านกลไกภายในหรือการเจรจาแบบทวิภาคี

2. ความกังวลเชิงยุทธศาสตร์: ข้อพิพาทหลายอย่างของจีนมีนัยภูมิรัฐศาสตร์สูง เช่น ไต้หวัน ทะเลจีนใต้ หรือซินเจียง ซึ่งจีนไม่ต้องการให้ศาลระหว่างประเทศเข้ามาตัดสิน

📌ตัวอย่างที่เด่นที่สุด:

⚖คดีทะเลจีนใต้ (South China Sea Arbitration, 2013–2016)

• ประเทศฟิลิปปินส์ฟ้องจีนผ่าน ศาล PCA (Permanent Court of Arbitration) (ไม่ใช่ ICJ แต่ใกล้เคียงในบทบาท)

• ปี 2016 ศาลตัดสินว่า “เส้นประ 9 เส้น” ของจีนไม่มีพื้นฐานทางกฎหมายใน UNCLOS

• จีน ปฏิเสธเข้าร่วมกระบวนการ และ ไม่ยอมรับคำตัดสิน

➡นี่แสดงให้เห็นว่าจีนไม่ต้องการให้กลไกระหว่างประเทศมาตัดสินข้อพิพาทที่ตนเห็นว่าเป็นเรื่อง “ภายใน”

✳กลยุทธ์ของจีน:

• สนับสนุนการเจรจาแบบทวิภาคี (bilateralism) แทนการใช้กลไกระหว่างประเทศ

• ใช้ Soft Power เช่น BRI (Belt and Road Initiative) เพื่อรักษาความสัมพันธ์ ไม่ใช่ศาล

🇺🇸กรณีของสหรัฐอเมริกา

✅ท่าทีโดยรวม:

สหรัฐอเมริกาเคยรับรองเขตอำนาจของ ICJ ภายใต้เงื่อนไข “Connally Reservation” คือ:

สหรัฐฯ ขอสงวนสิทธิ์ไม่ยอมให้ ICJ พิจารณาคดีใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ “ผลประโยชน์ภายใน” ของประเทศ

ต่อมา ถอนการรับรองเขตอำนาจของ ICJ โดยสิ้นเชิง ในปี 1986

📌คดีสำคัญ:

⚖Nicaragua v. United States (1984–1986)

• นิคารากัวฟ้องสหรัฐว่าแทรกแซงกิจการภายในและสนับสนุนกลุ่มกบฏ (Contras)

• ICJ ตัดสินว่า สหรัฐละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ

• สหรัฐปฏิเสธเข้ารับกระบวนการต่อ และ ถอนการยอมรับเขตอำนาจของ ICJ ทันที

✅เหตุผลหลักของสหรัฐฯ:

1. ไม่ต้องการถูกตัดสินจากองค์กรที่ตนไม่สามารถควบคุมได้

2. การใช้กำลังทางทหาร: สหรัฐต้องการรักษาสิทธิ์ในการดำเนินการทางทหารตามดุลพินิจของตนเอง

3. อำนาจใน UNSC: สหรัฐมีสิทธิยับยั้ง (veto) จึงมองว่าควบคุมกลไกการระงับข้อพิพาทผ่านสหประชาชาติได้อยู่แล้ว

✳กลยุทธ์ของสหรัฐ:

• ใช้การเจรจา การคว่ำบาตร และการสร้างพันธมิตรแบบ “coalition” แทนการเข้าสู่กลไกตุลาการ

• สนับสนุนกฎหมายระหว่างประเทศ “เมื่ออยู่ในผลประโยชน์ของตน” แต่หลีกเลี่ยงเมื่อเสียเปรียบ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดร.กิตติธัช สอนพวกเท้าราน้ำ 'การทำลายให้สิ้นสภาพ' ไม่ใช่การบุกไปยึดครองกัมพูชา

นักวิชการ อธิบายชัดการทำลายให้สิ้นสภาพ ไม่ใช่การบุกไปยึดครองกัมพูชา หรือทำลายกองทัพกัมพูชาแบบเบ็ดเสร็จ

'ทภ.2' เผย 'ผามออีแดง-ห้วยตามาเรีย-ภูมะเขือ' ยังมีการปะทะกันตลอดทั้งวัน

ทภ.2 เผยผามออีแดง-ห้วยตามาเรีย-ภูมะเขือ ยังคงมีการปะทะกันตลอดทั้งวันด้วยอาวุธประจำกายและอาวุธหนัก ไทย ย้ำ โบราณสถานไม่ใช่สนามรบ ยืนยัน ไทยใช่สิทธิในการป้องกันตนเองตามกฎหมายระหว่างประเทศ ปฏิบัติการทั้งหมดเป็นการป้องกันตนเอง

นายกฯ เรียกถก 'ผบ.เหล่าทัพ' ตึกไทยฯ ก่อนนั่งหัวโต๊ะประชุม สมช.

นายกฯได้หารือนอกรอบกับ พล.อ.อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และเลขาธิการสมช. ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ก่อนเป็นประธานการประชุม สมช.

สรุปภารกิจปกป้องอธิปไตยชายแดนสระแก้ว ประจำวัน กกล.บูรพา ปะทะเดือดเพื่อยึดครอง 3 พื้นที่

กกล.บูรพา ปฏิบัติภารกิจปกป้องอธิปไตยในสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา  เป็นวันที่ 14 โดยมีการรบปะทะ เพื่อยึดครองพื้นที่ ใน 3 พื้นที่