
5 ส.ค.2568- จากกรณี นาย เฮง รัตนา ผู้อำนวยการ ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดกัมพูชา หรือ CMAC อ้าง ระเบิด MK-84 ขุดพบ ไม่ใช่ระเบิดเก่า และคาดว่าไทยอาจซื้อจาก ประเทศอิสราเอล
ล่าสุด แหล่งข่าวกองทัพอากาศเผิดเผยว่า 1.กองทัพอากาศไม่ได้จัดซื้อระเบิดจากแหล่งที่กล่าวอ้าง 2.กองทัพอากาศจัดซื้อยุทโธปกรณ์จากพันธมิตรที่ได้รับการรับรองผ่านความร่วมมือทางกลาโหมเท่านั้น 3.การพิสูจน์ควรผ่านการตรวจสอบจากบุคคลที่ 3 ที่เป็นกลาง 4.การปฏิบัติการทางอากาศของไทย เป็นการใช้สิทธิในการป้องกันตนเองตามกฎบัติสหประชาชาติ ม.51 และกองทัพอากาศให้ความสำคัญต่อการปฏิบัติการที่อยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และหลักความชอบธรรมตามสิทธิป้องกันตนเองอย่างเคร่งครัด”
“กองทัพอากาศขอให้ทุกฝ่ายใช้ข้อมูลที่ผ่านการตรวจสอบทางเทคนิคจากองค์กรที่เป็นกลาง เพื่อหลีกเลี่ยงการบิดเบือนข้อมูลในห้วงเวลาที่สถานการณ์มีความละเอียดอ่อน” แหล่งข่าว ทอ.ระบุ
ขณะที่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงกรณีนายเฮง รัตนา ผู้อำนวยการ CMAC กัมพูชา อ้างว่าทีมผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่า ระเบิด MK-84 ที่พบมีหมายเลขล็อต IMI 96G015-11 และผลิตในปี 2539 (1996) โดยไทยอาจซื้อจาก IMI (Israel Military Industries) ซึ่งมีสิทธิ์ในการผลิตและจำหน่ายระเบิดรุ่นนี้ จึงไม่ใช่ระเบิดที่เหลือจากสงครามอินโดจีนอย่างแน่นอน ว่า กองทัพไทยเชื่อว่าสังคมโลกจะเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี ว่าที่ผ่านมากัมพูชา พยายามบิดเบือนข้อเท็จจริง มาอย่างต่อเนื่อง
กรณีนี้การทำงานของ CMAC กัมพูชา ในช่วงที่ผ่านมา ไม่จริงใจต่อการเก็บกวาดทุ่นระเบิด บริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา หลายพื้นที่พบมีความล่าช้ากว่ากำหนดมาตลอด ไม่เหมือนของ TMAC ฝ่ายไทย
จากการพิจารณารูปลักษณะกายภาพของระเบิด MK-84 ที่กัมพูชาอ้างถึง เมื่อดูจากสภาพแวดล้อม รูปลักษณะ และร่องรอยที่เกิดขึ้นจากการตกกระทบแล้ว ปรากฏชัดเจนว่า ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาแน่นอน
ส่วนข้อกล่าวอ้างที่ว่าระเบิด MK-84 เป็นของกองทัพอากาศไทยนั้น ได้รับการประสานข้อมูลมาว่า กองทัพอากาศไม่เคยมีการจัดซื้อระเบิดรุ่นดังกล่าวจากแหล่งที่กล่าวอ้างถึง โดยกองทัพอากาศไทย มีแนวทางการจัดซื้อยุทโธปกรณ์จากกลุ่มพันธมิตรที่ได้รับการรับรองผ่านความร่วมมือทางกระทรวงกลาโหมเท่านั้น การพิสูจน์หลักฐานต่างๆ ควรผ่านการตรวจสอบจากองค์กรที่เป็นกลาง และมีความน่าเชื่อถือในดับระดับสากล มิใช่องค์กรจากฝ่ายกัมพูชาฝ่ายเดียว
ขอยืนยันการปฏิบัตการทางอากาศของกองทัพอากาศไทย เป็นการใช้สิทธิในการป้องกันตนเองตามกฎบัติสหประชาชาติ มาตรา 51 และอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และหลักความชอบธรรมตามสิทธิป้องกันตนเองอย่างเคร่งครัด อีกทั้งขอให้กัมพูชา ใช้ข้อมูลที่ผ่านการตรวจสอบทางเทคนิคจากองค์กรที่เป็นกลาง เพื่อหลีกเลี่ยงการบิดเบือนข้อมูลในห้วงเวลาที่สถานการณ์มีความละเอียดอ่อน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รู้จักน้อยไปจริง! กระทุ้ง 'อนุทิน' เผยตัวตนให้มากขึ้น
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า หรือเรารู้จักท่านนายกรัฐมนตรีน้อยไปจริงๆ
ทรงพลัง! สื่อกัมพูชาทำโพลล์ ‘คนเขมร’ สนับสนุนคว่ำบาตรสินค้าไทยอย่างล้มหลาม
เปืดผลสำรวจของ Khmer Times สื่อภาษาอังกฤษ ภายใต้การกับของรัฐบาลกัมพูชา แสดงให้เห็นถึงการสนับสนุนอย่างล้นหลามต่อการคว่ำบาตรสินค้าไทย หลังจากเหตุการณ์รุ
ปักหมุดชายแดน8.3กม. บัวแก้วซัดเขมรบิดเบือน
บัวแก้วซัดเขมรยังบิดเบือน ย้ำ AOT ยันทุ่นระเบิดใหม่ "สีหศักดิ์" บินแจงภาคีออตตาวาต้น ธ.ค. แจงวางแนวหมุดชั่วคราว
เปิดรายงาน AOT ชี้ชัดเขมรซุกทุ่นระเบิดใหม่ ทำทหารไทยขาขาดรายที่ 7
กองทัพไทยเปิดรายงาน ผลตรวจสอบของ AOT ยันทุ่นระเบิด PMN-2 ห้วยตามาเรีย- ภูมะเขือ ทำทหารขาขาดรายที่ 7 ถูกฝังใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดเก่าตามที่กองทัพกัมพูชาอ้าง
‘ฮุนเซน’ทุบโต๊ะข้ามหัวลูกชาย เขมรจะไม่เปิดด่านค้าขายกับไทยอีก 500 ปี
สื่อกัมพูชารายงานว่าเมื่อวานนี้ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภา กล่าวว่า เขาคัดค้านข้อเสนอใดๆ ที่จะเปิดพรมแดนการค้ากับไทยอีกครั้ง โดยยอมรับว่
ลุยเจรจาภาษีสหรัฐ รุกการทูตชี้แจงโลก
รัฐบาลยกทีมแจงข้อพิพาทชายแดน “สิริพงศ์” ลั่นนายกฯ หนักแน่นแก้ปัญหา “โฆษก กห.” ย้ำเขมรละเมิดปฏิญญาชัดเจน ไทยไม่ต้องปฏิบัติตามโดยเฉพาะการถอนอาวุธหนัก


