03 ธ.ค.2568 – เพจประชาคมแพทย์ โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “65 ชีวิตที่ไม่ควรต้องสังเวยในโรงพยาบาล ความล้มเหลวของรัฐและระบบ Emergency Response ไทย” ระบุว่า ทำไมเรามีภาพเฮลิคอปเตอร์โยนของจากฟ้า แต่ไม่มีภาพ evacuate ผู้ป่วยจากโรงพยาบาลสงขลานครินทร์?
เหตุการณ์อุทกภัยสงขลา–หาดใหญ่ครั้งล่าสุดกลายเป็นบททดสอบใหญ่ของระบบสาธารณสุขและความมั่นคงมนุษย์ของประเทศ และเราต้องยอมรับว่า มันคือบทสอบที่ทั้งรัฐบาลและระบบ Emergency Response ของชาติ “สอบตก” อย่างน่าเจ็บปวด
ท่ามกลางคลื่นน้ำที่พัดพาความสูญเสีย ทุกคนจำภาพ เฮลิคอปเตอร์สีเขียวทหารที่บินวนเหนือท้องฟ้า โยนถุงยังชีพลงมาจากอากาศ ได้อย่างดี แต่ในความทรงจำของเรา ไม่มีภาพเฮลิคอปเตอร์อพยพผู้ป่วยวิกฤต ออกจากพื้นที่วิกฤตเลย ไม่ว่าจะเป็นหนักสักแค่ไหน และท่ามกลางภาพเหล่านั้น ตัวเลขก็ประกาศออกมา มีผู้เสียชีวิต “65 คน” ภายในโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ (มอ.) ในช่วงน้ำท่วม และอีก 75 คน ที่เสียชีวิตนอกโรงพยาบาล และถูกนำมาพิสูจน์อัตลักษณ์ที่ มอ.
ตัวเลข 65 คน คืออะไร?
- คือผู้ป่วยที่อยู่ในโรงพยาบาลแห่งความหวังของภาคใต้
- คือผู้ที่ควรปลอดภัยที่สุดในพื้นที่
- คือ “ชีวิตที่ไม่ควรต้องตาย”
1. การเสียชีวิตในโรงพยาบาลระหว่างภัยพิบัติ:นี่คือสิ่งที่ “ไม่ควรเกิดขึ้น” โดยสิ้นเชิง
โรงพยาบาลคือพื้นที่ความปลอดภัยสูงสุดของระบบสาธารณสุข ไม่ใช่พื้นที่ต่อสู้เอาชีวิตรอด ในประเทศที่มีระบบ Disaster Response ที่แข็งแรง การตายในโรงพยาบาลเพราะเหตุอุทกภัยควรจะ “แทบไม่มีเลย” เพราะก่อนจะไปถึงจุดนั้น ระบบจะถูก activate ตั้งแต่เนิ่นๆ: ระบบเลื่อนเตียงผู้ป่วยหนักขึ้นชั้นสูงสุด ระบบไฟสำรองแบบ redundant 3 ชั้น ระบบส่งต่อออกนอกพื้นที่ทางบก–น้ำ–อากาศ จนถึงขั้นสุดท้าย Helicopter Medical Evacuation (MEDEVAC) สำหรับผู้ป่วยที่ไม่สามารถรอได้แม้ 1 ชั่วโมง
แต่สิ่งที่เราเห็นคือ… โรงพยาบาลถูกน้ำล้อม ไฟฟ้าติดๆ ดับๆ ระบบส่งต่อสะดุด ถนนถูกตัด ผู้ป่วยไอซียูติดอยู่ในตึกที่กำลังถูกตัดขาด ออกซิเจนถังสุดท้าย หมดจากโรงพยาบาล และสุดท้าย… 65 ชีวิตดับลงในที่ที่ควรปกป้องชีวิตที่สุด นี่ไม่ใช่ “โชคชะตา” นี่คือ “ระบบล้มเหลว”
2.ทำไมเรามีภาพทหารโยนของ แต่ไม่มีภาพ evacuate ผู้ป่วย? นี่คือคำถามที่ทั้งประเทศควรถามรัฐบาล
จริงอยู่ การแจกถุงยังชีพเป็นเรื่องจำเป็น แต่ในขณะเดียวกัน ทั่วโลกมองว่า การ evacuate ผู้ป่วยวิกฤตคือภารกิจสำคัญอันดับแรก ในระดับชาติ ประเทศพัฒนาแล้วทำอะไร?
สหรัฐ: มีระบบ Aeromedical Evacuation ติดตามด้วย satellite ญี่ปุ่น: ทีม DMAT และเฮลิคอปเตอร์ขึ้นบินทันทีใน 2 ชั่วโมงแรก
ออสเตรเลีย: มี Royal Flying Doctor Service ที่สามารถรับผู้ป่วยจากพื้นที่ขาดการเข้าถึงได้ภายในชั่วโมง
สิงคโปร์: MEDEVAC เป็นพื้นฐานด้านความมั่นคงมนุษย์
แต่ในไทย เราเห็นอะไร? เฮลิคอปเตอร์บินอยู่จริง เจ้าหน้าที่ทำงานหนักจริง แต่ ภารกิจไม่ต้องฝากชีวิตของผู้ป่วยในโรงพยาบาลกลับไม่เกิดขึ้น เรามีภาพทหารโยนของจากฟ้า แต่ไม่มีภาพลำเลียงผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลที่กำลังถูกน้ำล้อม นี่คือสัญลักษณ์ชัดเจนของระบบที่จัดลำดับความสำคัญผิด
3.65 ชีวิต: คือความรับผิดชอบของทั้งรัฐบาลและระบบ Emergency Response ไม่มีทางที่รัฐบาลจะบอกว่า “ไม่รู้” หรือ “ไม่ทันตั้งตัว” เพราะน้ำท่วมสงขลา–หาดใหญ่เป็น pattern ที่เกิดซ้ำ ข้อมูลสภาพอากาศและปริมาณน้ำถูกคาดการณ์ล่วงหน้า โรงพยาบาลสงขลานครินทร์คือ tertiary referral center ที่รู้กันทั่วว่า “ห้ามล่มเด็ดขาด” และประเทศนี้ “มีเฮลิคอปเตอร์จำนวนมากพอจะบินขนของได้” แต่กลับไม่มีภารกิจ evacuate ที่เป็นระบบ ไม่มีศูนย์บัญชาการ MEDEVAC ระดับชาติ จึงไม่ใช่แค่โรงพยาบาลผิดพลาด แต่คือความล้มเหลวเชิงโครงสร้างของรัฐ
ผู้ป่วยตายระหว่างน้ำท่วมในโรงพยาบาล = รัฐล้มเหลว ไม่ใช่บุคลากร ไม่ใช่แพทย์พยาบาลที่ทำงานจนหมดแรง
แต่คือ “ระบบ” ที่ทำให้เขาต้องสู้โดยไม่มีเครื่องมือ
4.บทเรียนที่ประเทศต้องกล้าพูดตรงๆ ประเทศไทยต้องยอมรับความจริงว่า: เรายังไม่มีระบบ National Emergency Medical Evacuation ที่เป็นของประเทศจริงๆ
เรามีเฮลิคอปเตอร์ เรามีทหาร เรามีทีมแพทย์ แต่เราขาด “ระบบ” ที่เอาทุกอย่างมาร้อยต่อกันให้พร้อมใช้ใน 1 ชั่วโมงแรกของวิกฤต สิ่งที่ควรเกิดขึ้นในเหตุการณ์นี้:
1.Activate ศูนย์ MEDEVAC ระดับชาติทันที
2.เคลียร์จุดลงจอดเฮลิคอปเตอร์โรงพยาบาลสงขลานครินทร์โดยด่วน
3.อพยพผู้ป่วยไอซียู ผู้ป่วยติดเครื่องช่วยหายใจ เด็กแรกเกิด ผู้สูงอายุ
4.ส่งต่อออกไปยังโรงพยาบาลในจังหวัดรอบข้าง
5.ใช้ระบบ National Triaging สำหรับเหตุภัยพิบัติ
6.มีการรายงานสถานการณ์แบบ real-time
แต่มันไม่เกิดขึ้น และวันนี้เราต้องพูดออกมา เพราะนี่คือหน้าที่ของเราในฐานะคนในระบบ
5.บทสรุป: เพื่อให้ 65 ชีวิตไม่ตายเปล่า ชีวิตทั้ง 65 รายในโรงพยาบาล ไม่ควรถูกจดจำเป็นเพียงตัวเลขในรายงาน แต่ควรถูกจดจำเป็น หลักหมุดของการปฏิรูประบบ Disaster Response ของประเทศ เพราะหากเราไม่กล้ายอมรับว่า “ระบบเราล้มเหลว” ประเทศไทยจะต้องเผชิญเหตุการณ์แบบนี้อีก โรงพยาบาลจะถูกน้ำล้อมอีก ผู้ป่วยไอซียูจะติดอยู่ข้างในอีก และเราจะเก็บศพอีก จำนวนมากกว่านี้ด้วยซ้ำ
บทสรุป เราเห็นภาพเฮลิคอปเตอร์ทิ้งของ ทิ้งถุงยังชีพ แต่เราไม่เห็นภาพเฮลิคอปเตอร์ นำชีวิตผู้ป่วยให้รอด
นี่คือคำถามที่รัฐบาลต้องตอบ และประชาชนต้องไม่หยุดถาม เพราะระบบที่ปล่อยให้ผู้ป่วยเสียชีวิตในโรงพยาบาลระหว่างน้ำท่วม คือระบบที่ต้องถูกเปลี่ยนตั้งแต่วันนี้ มันเป็นความสูญเสียที่เจ็บปวดของแพทย์และพยาบาล ประชาชน ที่ฝากความหวังไว้กับ สถานที่ที่ เป็นความหวังสุดท้าย ของทุกคน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อาจารย์หมอ มอ. ฝากถึงลูกศิษย์ เตรียมรับมือการระบาดโรคฉี่หนู เหตุน้ำท่วมภาคใต้
นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า จดหมายจาก ศ.นพ.ขจรศักดิ์ ศิลปโภชากุล อาจารย์แพทย์ infectious มือหนึ่งของ มอ. ส่งมาถึงลูกศิษย์ครับ
เปิดคำยืนยันจาก อาจารย์หมออ๊อด เจ้าพ่อนิติเวชผู้ชันสูตรศพน้ำท่วมหาดใหญ่
ผศ.นพ.ธนพันธ์ ชูบุญ สูตินรีแพทย์ รพ.สงขลานครินทร์ และนักเขียนชื่อดัง "เรื่องเล่าของหมอสูติ" โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า "ตู้นึงเก็บได้ ๒๐ ร่างใช่ไหม" เมื่อช่วงค่ำ ผมได้คุยกับอาจารย์หมออ๊อด เจ้าพ่อนิติเวชที่ทำ
ระบบพัง! คณบดีแพทย์ศาสตร์มอ. วิงวอนขอความร่วมมือ 5 ข้อ ให้บุคลากรทางการแพทย์เดินต่อได้
รศ.นพ.พัฒน์ ก่อรัตนคุณ อายุรแพทย์สมองและระบบประสาทผู้ช่วย คณบดีฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า
รพ.สงขลานครินทร์ เผยรับร่างผู้เสียชีวิตจำนวนมาก เร่งระบุตัวตนก่อนส่งคืนญาติ
โรงพยาบาลสงขลานครินทร์แจ้งมีร่างผู้เสียชีวิตถูกส่งเข้ามาเป็นจำนวนมาก ต้องดำเนินการระบุตัวตนตามขั้นตอนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงยังไม่สามารถส่งคืนให้ครอบครัวได้ใน
บีไอจีผนึกกำลังส่งออกซิเจนช่วยโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ รับมือวิกฤตหาดใหญ่
บีไอจี ผู้นำนวัตกรรมก๊าซอุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำของประเทศไทย แสดงความห่วงใยและตระหนักถึงความเดือดร้อนจากสถานการณ์มหาอุทกภัยในพื้นที่หาดใหญ่ ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนและระบบสาธารณสุข
'ประชาคมแพทย์' ให้ความเห็นทางวิทยา ศาสตร์ว่าด้วย 'เสียงหลอน'
เพจประชาคมแพทย์ โพสต์เฟซบุ๊ก


