'ประชาคมแพทย์' ปลุกคนไทยรวมใจเป็นหนึ่งขอ 3 ข้อจากเพื่อนให้โลกรู้

18 ธ.ค.2568 – เพจประชาคมแพทย์ โพสต์ข้อความเฟซบุ๊กในทำนองบทความว่า ““ขอ 3 ข้อจากเพื่อน” และ คนไทยต้องร่วมใจ ที่จะเห็นด้วย กับรัฐบาลอนุทิน” ระบุว่า ในการประกาศ “ขอ 3 ข้อจากเพื่อน” เพื่อหยุดยิง เพราะนี่คือสันติวิธีที่เหมาะสมที่สุด ท่ามกลางเกมการเมืองระหว่างประเทศที่กำลังเดินอยู่

ท่ามกลางสถานการณ์ปะทะรุนแรงตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชาในขณะนี้ สิ่งที่ประเทศไทยต้องการมากที่สุด ไม่ใช่ชัยชนะทางทหาร แต่คือ ความสงบ ความปลอดภัยของประชาชน และการยุติความสูญเสียที่ไม่จำเป็น

รัฐบาลไทย ภายใต้การนำของ นายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล ได้ประกาศจุดยืนต่อสาธารณะอย่างชัดเจน ด้วย “เงื่อนไข 3 ข้อ” เพื่อบรรลุการหยุดยิง (Ceasefire) ประชาคมแพทย์ เห็นด้วยกับรัฐบาลชุดนี้อย่าง 100% และขอชวนให้ประชาชน เห็นด้วย เช่นกัน นี่ไม่ใช่ท่าทีแข็งกร้าว แต่คือแนวทางสันติวิธีที่มีเหตุผล และเป็นมาตรฐานสากลที่สุดแล้ว

“ขอ 3 ข้อจากเพื่อน” ไม่ใช่คำขู่ แต่คือกรอบสันติภาพที่ประเทศใดก็ปฏิเสธได้ยาก ขอให้ กัมพูชา ทำ 3 ข้อนี้1. กัมพูชาต้องเป็นฝ่ายประกาศหยุดยิงก่อน เมื่อฝ่ายหนึ่งเริ่มใช้กำลัง ความรับผิดชอบในการแสดงความจริงใจในการยุติความรุนแรง ต้องเริ่มจากฝ่ายนั้น นี่ไม่ใช่เรื่องศักดิ์ศรี แต่คือหลักพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศ

2.ให้การหยุดยิงต้องเกิดขึ้น"จริง" และ"ต่อเนื่อง" ไม่ใช่หยุดเพื่อ “ตั้งหลัก” ไม่ใช่หยุดเพื่อ “เสริมกำลัง” และไม่ใช่หยุดเพียงชั่วคราวเพื่อรอรอบใหม่ของความรุนแรง เงื่อนไขข้อนี้สะท้อนว่า ประเทศไทยต้องการ ความสงบที่ยั่งยืน ไม่ใช่ภาพลวงตาของสันติภาพ

3.ต้องร่วมมือเก็บกู้ทุ่นระเบิดอย่างจริงจัง ข้อนี้คือหัวใจของความเป็นมนุษย์ ทุ่นระเบิดไม่เลือกฝ่าย ไม่เลือกเชื้อชาติ และไม่เลือกเหยื่อ การเรียกร้องให้เก็บกู้ทุ่นระเบิด คือการยืนยันว่า ชีวิตของประชาชนต้องมาก่อนการเมืองและอาวุธ ซึ่งเป็นหลักคิดเดียวกับที่ประชาคมแพทย์ยึดถือมาโดยตลอด ไม่มีนักสันติวิธีคนใด จะเสนอแนวทางที่เหมาะสมไปกว่านี้ได้ง่าย ๆ

บางคนอาจถามว่า “ทำไมไม่ให้หยุดยิงทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข?” คำตอบคือ การหยุดยิงที่ไม่มีกรอบ ไม่มีหลักประกัน และไม่มีความจริงใจ ไม่ใช่สันติภาพ แต่คือการเลื่อนความรุนแรงออกไป

ในชั่วโมงนี้นักการเมือง หรือกองเชียร์การเมือง คนใดก็ตาม หรือนักสันติวิธีใดๆก็ตาม ที่บอกให้ "ประเทศไทยหยุดยิงโดยไม่มีเงื่อนไข" คือคนที่กำลัง แสดง สติปัญญา ที่ ขาดการไตร่ตรอง และ เป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ และไม่มีมาตรฐานสากลใดๆ การพูดลอยๆ เช่นนี้ มีจุดประสงค์อย่างเดียวคือ ต้องการหวังผลทางการเมือง และรู้ดีว่าไม่มีรัฐบาลใด กระทำเช่นนั้นได้

ประโยคที่ว่า "รัฐบาลอนุทินกำลังนำประเทศไทยเข้าสู่สงครามยืดเยื้อ และความยากลำบากของประชาชน" โดยไม่เสนอทางออกที่ดีกว่า เงื่อนไข 3 ข้อที่ รัฐบาลปัจจุบันกำลังทำอยู่นี้ ก็คือ การบ่น ไปเรื่อยๆโดยไม่มีความหมายใดๆ มากไปกว่า การแซะ หรือ ตำหนิรัฐบาลไปวันๆ โดยไม่มองถึงว่า 1.ใครคือผู้วางทุ่นระเบิดในช่วงปฏิญญา 2.การเคลื่อนกำลังพลมาประจำจุดทับซ้อนจำนวนมากซึ่งขัดกับข้อตกลงในปฏิญญา และ 3.ข้อความจริงที่ว่ากัมพูชาคือประเทศที่ยิง BM 21 มายัง บ้านเรือนของคนไทยก่อน ในช่วงปฏิญญา

ข้อความจริงทั้งหมดนี้สามารถพิสูจน์ได้โดย ภาพถ่ายดาวเทียม ซึ่งไทยก็เสนอเรื่องนี้มาตลอดอยู่แล้ว เงื่อนไข 3 ข้อของรัฐบาลไทย ไม่ใช่การยั่วยุ ไม่ใช่การข่มขู่ และไม่ใช่การปิดประตูเจรจา แต่คือ มาตรฐานขั้นต่ำของสันติภาพ ที่ผู้ต้องการยุติสงครามอย่างแท้จริง ต้องยอมรับได้

แต่...เมื่อเกมการทูตถูกยกระดับสู่เวทีอาเซียน และเวทีนั้นกลับถูก “เลื่อน”...นี่คือเกมการเมือง ของประธานอาเซียน มาเลเซีย

รัฐบาลไทยได้ประกาศชัดเจนว่าจะนำเงื่อนไข 3 ข้อนี้ เข้าสู่ที่ประชุมอาเซียนในวันที่ 22 ธันวาคม เพื่อให้ประชาคมระหว่างประเทศรับรู้จุดยืนของไทยอย่างเป็นทางการ นี่คือความชาญฉลาดทางการทูต เพราะเป็นการ “ล็อกกรอบเรื่อง” (lock the narrative) ก่อนที่ใครจะเล่าเรื่องแทนประเทศไทย

แต่เมื่อมีข่าวว่า นายกรัฐมนตรีมาเลเซียเสนอเลื่อนการประชุมออกไป สิ่งนี้ไม่ใช่เพียงเรื่องตารางเวลา ในโลกการเมืองระหว่างประเทศ การเลื่อนเวที = การเปลี่ยนจังหวะของเกม ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือ เงื่อนไขของไทยยังไม่สามารถเข้าสู่เวทีพหุภาคีได้ในจังหวะที่เตรียมไว้ และผู้ที่ยังไม่พร้อมรับเงื่อนไขเหล่านี้ ได้ “ซื้อเวลา” ไปโดยปริยาย นี่อาจไม่ใช่เรื่องผิดหรือถูก แต่เป็นความจริงของเกมการทูต ที่ใครคุมเวที คนนั้นคุมจังหวะ

ยิ่งเวทีถูกเลื่อน ยิ่งตอกย้ำว่าทำไมการประกาศต่อสาธารณะของไทยจึงสำคัญ อย่างน้อยที่สุด โลกได้รับรู้จุดยืนของไทยแล้ว ไทยไม่ได้เงียบ ไทยไม่ได้ถอย ไทยไม่ได้เล่นเกมหลังฉากเพียงอย่างเดียว และนี่คือเหตุผลว่า จุดยืนร่วมของประชาชนไทย สำคัญอย่างยิ่งในช่วงเวลานี้ เพราะเมื่อเวทีอาเซียนถูกชะลอ สิ่งที่ยังทำงานอยู่ คือ ความชอบธรรม เสียงของสังคม และการยืนอยู่บนหลักการเดียวกันของทั้งประเทศ

เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องพรรคการเมือง แต่คือเรื่องของประเทศ ประชาคมแพทย์ขอเน้นย้ำว่า การที่ "ประชาชนไทย" ยืนจุดเดียวกับรัฐบาลในครั้งนี้ ไม่ใช่การเชียร์สงคราม ไม่ใช่การปิดปากการตรวจสอบรัฐบาลในด้านอื่น แต่คือการส่งสัญญาณไปยังโลกว่า “ในเรื่องอธิปไตย ความปลอดภัย และชีวิตของประชาชน คนไทยยืนอยู่ฝั่งเดียวกัน”
เพราะสันติภาพที่แท้จริง ต้องเริ่มจากความร่วมมือ ไม่ใช่จากความเงียบงันที่แฝงความรุนแรง

ประชาคมแพทย์ขอสนับสนุน จุดยืน "ขอ 3 ข้อจากเพื่อน" ของรัฐบาลไทย ในฐานะแนวทางสากลของผู้ที่ต้องการ ยุติสงคราม เพื่อความสงบสุขของทั้งสองประเทศอย่างแท้จริง และในยามที่เกมการเมืองระหว่างประเทศกำลังเดินอยู่ความเป็นหนึ่งเดียวของประชาชน คือพลังการทูตที่สำคัญที่สุดของประเทศ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จีนปัดส่งอาวุธช่วยเขมร

"อนุทิน" ฟาดเขมรมีสติควรเจรจา ฮึ่ม! ต้องได้เนิน 350 กองทัพชี้สู้ยืดเยื้อจุดยุทธศาสตร์พื้นที่่ช่วงชิง พร้อมเร่งค้นหาร่างทหาร 2 นาย

นายกฯ ลั่นหากกัมพูชาใช้สติ ต้องยอมได้แล้ว ย้ำคำ 'บิ๊กเล็ก' ขอเวลาอีกไม่นาน

นายกฯ ชี้ หากกัมพูชามีสติควรเจรจา ลั่นต้องได้เนิน 350 มอบกองทัพแจงยุทธการช่องอานม้า ย้ำคำ "บิ๊กเล็ก" ขอเวลาอีกไม่นาน เคลียร์สถานการณ์

'อนุทิน' บอกยึดฤกษ์สะดวก เปิดตัวแคนดิเดตนายกฯ ภูมิใจไทย

"อนุทิน" ยังอุบแคนดิเดตนายกฯ ภูมิใจไทย ตอบแค่ "ใกล้แล้ว" ขึ้นอยู่กับฤกษ์สะดวก ส่วน "สีหศักดิ์" ชัดแล้วเข้าพรรค หลังถูกถามสมัคร สส. หรือไม่ เมินเสียเปรียบพรรคอื่นเปิดก่อน

'สีหศักดิ์' ย้ำหยุดยิง ฝ่ายกัมพูชาต้องเริ่มก่อน

นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่สู้รบเข้าสู่วันที่ 10 แล้ว ว่าเราทำในส่วนที่เป็นอธิปไตยของเรา หวังว่าถึงจุด