สงสัยว่า “พรรคพลังประชารัฐ” ภายใต้บังเหียนของ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกรัฐมนตรี จะต้องไปให้หมอดูหรือซินแสทำนายทายทักซะแล้วว่าเข้าปีชงหรือไม่อย่างไร เพราะดูเหมือนในเดือนสิ้นปีที่จะคาบเกี่ยวเข้าสู่ปีขาล “พลังประชารัฐ” ออกอาการน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง เพราะ ล่าสุด “ขุนพล” พิทักษ์ลุงตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และลุงป้อม อย่าง “สิระ เจนจาคะ” ส.ส.กทม. ก็กลายเป็นอดีตไปแล้ว เมื่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 7 ต่อ 2 ชี้ว่าสมาชิกภาพของ “สิระ” สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (10) นับแต่วันเลือกตั้ง คือวันที่ 24 มี.ค.2562 แล้ว ...๐
คดีนี้ต้องถือเป็นบรรทัดฐานให้กับนักการเมืองอย่างมาก หากรัฐธรรมนูญปี 2560 ยังไม่มีการแก้ไขในเรื่องคุณสมบัติ ส.ส. เพราะถือเป็นตัวอย่างอันดีหากต้องคำพิพากษา แม้ภายหลังจะมีการล้างมลทิน ก็ถือเป็น “ตราบาป” ที่จะเข้าสู่สนามการเมืองไม่ได้ ...๐
งานนี้เราจึงได้เห็น “กูรู้” อย่างสมชัย ศรีสุทธิยากร จรลีออกมาโพสต์เฟซบุ๊กทวงเงินเงินเดือน เงินประจำตำแหน่งและสิทธิประโยชน์ของ “สิระ” รวมทั้งยิงตรงไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้จัดการฟ้องค่าเสียหายในการจัดการเลือกตั้งและฟ้องดำเนินคดีอาญาในฐานะใช้หลักฐานอันเป็นเท็จในการสมัครเลือกตั้งด้วย แหม! ต้องปรบมือให้กับ “สมชัย” ในเรื่องความฉับไวปานกามนิตหนุ่มในเรื่องนี้ แต่ก็สงสัยตงิดๆ ว่าใน กรณีของ “พ่อฟ้า” อย่าง “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ที่ถูกศาลชี้ขาดในลักษณะทำนองเดียวกัน ทำไม “สมชัย” ไม่กระตือรือร้นเช่นนี้เลย แล้วที่สำคัญ จนป่านนี้ “กกต.” ก็ยังไม่ดำเนินการในคดีธนาธรแต่ประการใด ฉะนั้น หากใช้ตรรกะเวลาเดียวกันก็เชื่อว่ากรณีของ “สิระ” ก็น่ายืดยาวไปจนโลกลืมนั่นแล ...๐
ขณะเดียวกัน คู่แค้นและ คู่กัดอย่าง "ตี๋เต้-มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์” ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ หลังทราบเรื่องก็โพสต์เฟซบุ๊กบอกเป็นนักเลง ไม่ซ้ำเติมใคร แม้จะถูกทำไว้มาก แต่เราจะดูแลพี่น้องชาวหลักสี่ กทม.แทนนายเอง พักผ่อนให้สบาย เหนื่อยมามากแล้ว อันนี้ไม่ได้กระทืบซ้ำเติม แต่กดมีดให้มิดด้ามเลยต่างหาก อย่างนี้จะเรียกว่า "นักเลง” ชาติไหนดีเล่า ...๐
ต้องบอกว่า “อิทธิพร บุญประคอง” ประธาน กกต.งานชุกอย่างยิ่ง เลือกตั้งซ่อมจังหวัดสงขลา และชุมพรแม้เพิ่งนับหนึ่งในการกำหนดวันเลือกตั้ง ก็มาเจอการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม.อีกตำแหน่งหนึ่งเสียแล้ว ทั้งที่เพิ่งประกาศรับรองผลการเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนตำบลมาสดๆ ร้อนๆ ...๐
พูดถึงเรื่องเลือกตั้งซ่อมก็ต้องโยงไป ถึง “พระศุกร์เข้า-พระเสาร์แทรก” พรรคพลังประชารัฐ เพราะเดิมคณะกรรมการบริหารพรรคได้มีการประชุมและโหวตไปตั้งแต่สัปดาห์ก่อนแล้วว่าจะส่งชิงทั้ง 2 พื้นที่ เรียกว่าไม่ไว้หน้า “ประชาธิปัตย์” พรรคร่วมรัฐบาลนั่นเอง แต่ที่ไหนได้ ล่าสุด “ลุงป้อม” ก็หัก กก.บห.พรรค เพราะ “ลูกหมี-ชุมพล จุลใส” แห่ง กปปส.นั่นเอง ซึ่งก็มีผลพวงสำคัญเพราะ ทำ “ชวลิต อาจหาญ” หรือทนายแดง อดีตผู้สมัคร ส.ส.ชุมพร เขต 1 พรรค พปชร. ที่ได้คะแนนอันดับ 2 ถึงกับประกาศอำลาพรรค พร้อมทั้งทิ้งทุ่นระเบิดกับมติไม่ส่งชิง ส.ส.ครั้งนี้เสียด้วย เพราะหากเป็นไปตามที่ “ทนายแดง” โพสต์จริงๆ ก็น่าเห็นใจอย่างมาก เพราะควักเงินตัวเองในการต่อสู้เลือกตั้งตั้งแต่คราวที่แล้ว และคราวนี้ก็น่าจะอีหรอบเดิม ซึ่งก็ไม่ซีเรียสแต่ประการใด แต่ที่ มันเจ็บจี๊ดก็คือการไม่ส่งลงแข่งขันเสียมาก งานงอกแบบนี้สงสัย “ลุงป้อม” ต้องไปไหว้เทพเจ้าไท้ส่วยเอี๊ยเสียกระมัง ...๐
หันกลับมาเรื่อง “โควิด-19” สายพันธุ์โอมิครอนกันบ้าง แม้ยามนี้พี่ไทยจะยังไม่ได้รับเต็มๆ เพราะล่าสุดมีแค่ 104 ราย แต่หากดูเทรนด์จากทั่วโลกและเพื่อนบ้านอย่างเวียดนามที่มีผู้ติดเชื้อระดับหมื่นคนขึ้นไป ก็บอกได้คำเดียวว่าการ์ดห้ามตกเด็ดขาด และ ที่สำคัญต้องคิดและวางแผนให้ดีถึง “วัคซีนเข็ม 4” ให้สะเด็ดน้ำได้ก็เป็นการดี เพราะยามนี้ “เข็ม 3” คงไม่น่าเพียงพอแต่ประการใด ...๐
แม้ล่าสุด “ลุงตู่” จะฉบับไวสกัด “Test and Go” แล้วก็ตามที หลังตัวเลขผู้ติดเชื้อในส่วนนี้เพิ่มขึ้นมากที่สุดก็ตาม แต่ก็ไม่ได้หมายความหยุดทันที เพราะยังมีนักท่องเที่ยวในระบบที่ตกค้างอยู่ ซึ่งส่วนนี้ก็อาจเป็นตัวแปรที่สำคัญที่ไทยต้องต้องจับตาว่าเราจะเจอระลอกที่ 4 เหมือนชาวโลกหรือไม่อย่างไร ซึ่ง หลังปีใหม่ไปก็คงได้เห็นหน้าเห็นหลังกันแล้วว่า ผู้ป่วยจะวนเวียนแค่ระดับ 2-3 พัน หรือจะเป็น 8- 9 พัน จนถึงหลักหมื่นเหมือนก่อนหน้านี้ ...๐
ท.ศักดิ์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
ถึงคิว "พรรคส้ม" หลังประชาธิปัตย์ประเดิมเปิด 100 รายชื่อปาร์ตี้ลิสต์เป็นพรรคแรก ถึงแม้จะเป็นการเรียงตามตัวอักษร ไม่ใช่เรียงลำดับที่แท้จริงก็ตาม พอเดากันได้ว่า 3 อันดับแรก น่าจะเป็น 3 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
บันทึกหน้า 4
ต้องบอกว่าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ณ วันนี้ยังคงร้อนแรงอยู่อย่างต่อเนื่อง ก็อย่างที่เคยบอกไว้แล้วว่า หาก “ระบอบฮุน เซน” ไม่ตายจากดินแดนเขมร ก็ยากหาความสงบลงได้
บันทึกหน้า 4
ปี่กลองเลือกตั้งดังสนั่น หลังสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดให้วันอาทิตย์ที่ 8 ก.พ.2569 เป็นวันเลือกตั้ง สส. ส่วนวันที่ 27-31 ธ.ค.2568 เป็นวันรับสมัคร สส.แบ่งเขตเลือกตั้ง 28-31 ธ.ค.2568 วันรับสมัค สส.บัญชีรายชื่อ ส่วนการทำประชามติเรื่องยกเลิกMOU 43 และ MOU 44 คงไม่มีแล้ว โดย นายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล
บันทึกหน้า 4
ขอเข้าโหมดเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ หลังคำสั่งยุบสภาเมื่อ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้สนามการเมืองที่อุ่นๆ กลายเป็นเตาแก๊สเปิดไฟแรงในพริบตา เลือกตั้งต้นปี 2569 ยังไม่ทันมาถึง แต่เกมช่วงชิงอำนาจเริ่มเดือดเกินองศา
บันทึกหน้า 4
บันทึกตอกย้ำบรรทัดแรกว่า "ไทยนี้รักสงบ!!" จากวันแรกที่มีสยามประเทศ ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศผู้รุกรานเชิงจักรวรรดินิยม ไม่เคยสร้างอาณานิคมในต่างแดน เราจะลุกขึ้นสู้เพื่อป้องกันตนเอง หรือตอบโต้ เพื่อการรักษาดินแดนของตัวเองเท่านั้น
บันทึกหน้า 4
ยังไม่ถึงเวลา! วันศุกร์นี้ "รัฐบาลอนุทิน" ยังคาดเข็ดขัดนิรภัยต่อ แม้ "นายกฯ หนู" จะบอกว่าพร้อมยุบสภาทุกเมื่อ เตรียมพระราชกฤษฎีการอไว้แล้ว ถึงจะเลื่อนเร็วขึ้นจากไทม์ไลน์เดิม 31 ม.ค. 69 แต่ไม่ใช่ 12 ธ.ค.


