สงครามยูเครนวันที่ 202 : สถานการณ์แนวรบพลิกผัน!

สงครามยูเครนลากยาวมาถึงวันที่ 202 เกิดอาการพลิกผันในแนวรบด้านตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก...รวมถึงภาคใต้ที่ส่อไปในทางที่จะเห็นการสู้รบยืดเยื้อข้ามปี

ข่าวหลายกระแสบอกตรงกันว่า ทหารยูเครนตีโต้และรุกกลับอย่างได้ผลในฝั่งตะวันออก หลังรัสเซียสั่งถอนทัพในคาร์คิฟ

ขณะที่ยูเครนอ้างเป็น “ชัยชนะ” ในสนามรบครั้งแรกในรอบหลายเดือน ฝั่งรัสเซียบอกว่าการสั่งทหารให้ล่าถอยครั้งนี้เป็นไปตามแผนปฏิบัติการเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

คือการ “ถอยตั้งหลัก” เพื่อเปิดฉากการโจมตีรอบใหม่

ข่าวทางการของยูเครนและสื่อตะวันตกอ้างว่า กองทัพยูเครนได้ยกระดับการรุกโต้กลับอย่างเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ ทางตะวันออกของยูเครนในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

เป็นช่วงจังหวะเดียวกับที่กองทัพรัสเซียถอนทหารออกจากเขตปกครองคาร์คิฟทางตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเชื่อมต่อกับเขตดอนบัสทางตะวันออกทางด้านยุทธศาสตร์การสู้รบ

นักวิเคราะห์ด้านสงครามบางสำนักบอกว่า ความเคลื่อนไหวใหม่ล่าสุดของทั้ง 2 ฝ่ายอาจจะเป็น “จุดเปลี่ยน” ที่มีนัยสำคัญอย่างยิ่งเมื่อสงครามเข้าสู่เดือนที่ 7 หลังรัสเซียส่งทหารเข้ามายึดยูเครน

ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ออกทีวีประกาศอย่างร้อนแรงเมื่อค่ำวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า

 “กองทัพรัสเซียได้แสดงให้เห็นสิ่งที่ดีที่สุดที่พวกเขาทำได้ – นั่นคือ การถอยทัพกลับไปให้เห็นแต่เพียงหลังของพวกคุณ” หลังจากรัสเซียประกาศถอนกำลังออกจากเขตปกครองคาร์คิฟในวันเดียวกันนี้

วันต่อมาผู้นำยูเครนคนนี้ก็โพสต์คลิปวิดีโอของทหารยูเครนชักธงชาติยูเครนขึ้นสู่ยอดเสาในเมืองชกาลอฟสก์ (Chkalovsk) ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองที่ยูเครนอ้างว่าสามารถยึดคืนกลับจากรัสเซียในการรุกโต้กลับ

สื่อตะวันตกใช้คำว่า counter-offensive สำหรับการตีโต้กลับครั้งนี้เพื่อตอกย้ำว่าทหารยูเครนกำลังปรับโหมดการสู้รบจากที่เคย “ตั้งรับ” (defensive) มาเป็น “เชิงรุก” (offensive)

แต่เดิมรัสเซียเป็นฝ่ายรุก วันนี้ยูเครนบอกว่ากองทัพยูเครนเองกำลังตอบโต้การรุกด้วยการตีกลับ หรือ counter-offensive

พลเอกวาเลรี ซาลุชนี ผู้บัญชาการทหารบกยูเครน อ้างว่าทหารยูเครนสามารถยึดคืนพื้นที่ประมาณ 3,000 ตารางกิโลเมตร จากทหารรัสเซียตลอดเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา

คลิปวิดีโอของฝ่ายยูเครนอ้างว่า ทหารบางส่วนของตนได้รุกกลับถึงจุดที่ประชิดติดชายแดนรัสเซีย ห่างไปเพียง 50 กิโลเมตรจากพรมแดนรัสเซียด้วยซ้ำไป

ยูเครนอ้างว่ารัสเซียกำลังเพลี่ยงพล้ำครั้งสำคัญ หลังจากที่ตอนเริ่มสงครามใหม่ๆ นั้นมอสโกก็พลาดเป้าของการยึดกรุงเคียฟเมืองหลวงตั้งแต่สัปดาห์แรก

อีกทั้งที่ทหารรัสเซียเคยวางแผนเข้ายึดเขตปกครองคาร์คิฟทางตะวันออกเฉียงเหนือในการสู้รบระยะต้นก็พลาดเป้าไปเช่นกัน

ด้านกระทรวงกลาโหมรัสเซียออกข่าวไปในทำนองว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผนเดิม รัสเซียไม่ได้พลาดท่าเสียทีทหารยูเครนอย่างที่กล่าวอ้างกันแต่ประการใด

แถลงการณ์จากมอสโกบอกว่า การถอนทหารบางส่วนจากเมืองอิสยุม (Izyum) และพื้นที่อื่นๆ ในเขตปกครองคาร์คิฟนั้นเป็นยุทธการทางทหารเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับหน่วยรบรัสเซียในเขตปกครองโดแนตสก์ทางตะวันออกเท่านั้น

ประเทศตะวันตกที่กำลังตีความความเคลื่อนไหวล่าสุดในสมรภูมิยูเครนว่าเป็นจุด “พลิกผันสำคัญ” ของการสู้รบ

ฝ่ายข่าวกรองของกระทรวงกลาโหมอังกฤษตอกย้ำว่า รัสเซียมีแนวโน้มที่จะถอนทหารจากพื้นที่ก็จริง แต่การสู้รบยังร้อนแรงต่อเนื่องในเมืองสำคัญใกล้เคียง เช่น คูเปียนสก์ (Kupiansk) และอิสยุม

นักวิเคราะห์ทางทหารตะวันตกมองว่า ถ้าทหารยูเครนรุกคืบโต้กลับได้อย่างต่อเนื่องจริงๆ ก็จะทำให้ยูเครนเข้ายึดครองการขนส่งระบบรางสายสำคัญ

เป็นเส้นทางที่รัสเซียเคยใช้ในการส่งเสบียงให้กับกองทัพรัสเซียทางตะวันออกของยูเครนได้

ประธานาธิบดีเซเลนสกีออกแถลงการณ์เผ็ดร้อนเป็นลายลักษณ์อักษรที่มุ่งไปที่รัฐบาลรัสเซีย

"พวกคุณยังจะทึกทักไปเองว่าเราเป็นประเทศเดียวกันอยู่อีกไหม? พวกคุณคิดว่าจะทำให้เรากลัว, จะบดขยี้เราให้แหลก, จะบีบคั้นให้เรายอมพวกแกได้อีกไหม?

“พวกคุณยังไม่เข้าใจอีกหรือว่าเราเป็นใคร? เรายืนหยัดเพื่ออะไร? ประชาชนของเราปรารถนาอะไร?

“อ่านริมฝีปากผมให้ดีนะ : จะตัดก๊าซให้ไม่มีใช้หรือไม่มีพวกคุณ? ไม่มีพวกคุณ จะทำลายโรงไฟฟ้าให้ไม่มีไฟใช้หรือไม่มีพวกคุณ? ไม่มีพวกคุณ จะต้องอดอยากหรือไม่มีพวกคุณ? ไม่มีพวกคุณ

“ความหนาวเหน็บ, หิวโหย ความมืดและความกระหายไม่น่ากลัวและถึงตายเท่ากับมิตรภาพจอมปลอมและความเป็นบ้านพี่เมืองน้องที่พวกคุณกล่าวอ้าง. สุดท้ายความยุติธรรมทางประวัติศาสตร์จะต้องเกิด. แล้วเราจะมีแก๊ส, ไฟฟ้า, น้ำและอาหาร...โดยไม่มีพวกคุณ!"

ความหมายของเซเลนสกีคือ ไม่ว่ายูเครนจะต้องเผชิญกับความทุกข์ยากเพียงใดก็จะเลือกที่จะอยู่กับความยากเข็ญเหล่านั้นมากกว่าที่จะยอมให้รัสเซียมายึดครอง

อีกด้านหนึ่งของสงครามคือความสุ่มเสี่ยงของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ยังไม่มีข้อตกลงว่าจะมีการหยุดยิงบริเวณนั้นหรือไม่อย่างไร

บริษัท อีเนอร์โกอะตอม (Energoatom) ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจด้านพลังงานนิวเคลียร์ของยูเครนออกแถลงการณ์ ว่าด้วยสถานการณ์ที่น่ากังวลที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริชเชีย ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่สุดทั้งในยูเครนและในยุโรป ตั้งอยู่ที่เมืองซาโปริชเชีย ซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของรัสเซีย ริมแม่น้ำไนเปอร์ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ

แถลงการณ์นั้นแจ้งว่ามีความจำเป็นต้องปิดทำการเตาปฏิกรณ์ตัวสุดท้าย ซึ่งเป็นตัวที่ 6 ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย เพราะกลัวว่าอาจมีการรั่วไหลของกัมมันตรังสี

ระบบการทำงานของโรงไฟฟ้าแห่งนี้ต้องเจอกับเหตุขัดข้องมากมายหลายประการ ตั้งแต่ทหารรัสเซียเข้ามายึดและเปิดศึกกับทหารยูเครนที่ปักหลักอยู่อีกข้างหนึ่งของแม่น้ำ

และเพื่อป้องกันอันตรายอันไม่พึงประสงค์ ก็ทำให้ต้องลดการทำงานของระบบลง ส่งผลให้ไม่สามารถเชื่อมต่อกับระบบไฟฟ้าภายนอกที่เหลืออยู่เพียงเส้นเดียว

โดยหันไปพึ่งระบบจ่ายกระแสไฟฟ้าสำรองที่ยังคงทำหน้าที่ได้ตามปกติ

สหประชาชาติเสนอผ่าน IAEA ซึ่งเป็นหน่วยงานพลังงานปรมาณูของยูเอ็น และรัฐบาลยูเครนเรียกร้องการกำหนดให้พื้นที่รอบโรงไฟฟ้าซาโปริชเชียเป็นเขตปลอดทหาร แต่ก็ยังไม่สามารถหาข้อสรุปกับฝ่ายรัสเซียได้

ความเสี่ยงที่จะเกิดภัยพิบัติก็ยังหลอนคนทั้งโลกถึงวันนี้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

พม่าจะเดินตามรอยเกาหลีเหนือ? ทำไมจึงมีนักวิเคราะห์บางสายตั้งคำถามนี้?

เพราะมีข่าวหลายกระแสที่บ่งบอกไปในทิศทางที่ว่า ผู้นำทหารพม่ากำลังมองคิม จองอึน แห่งเกาหลีเหนือเป็น “แม่แบบ” ของการสร้างอำนาจต่อรองกับประเทศที่พยายามจะกดดันให้ต้องยอมเสียงเรียกร้องให้กลับไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย

สงครามพม่า: ไทยอาจมีสภาพเหมือน ‘โปแลนด์’ ของสงครามยูเครน?

ข้อสังเกตของอาจารย์สุรชาติ บำรุงสุข ว่าไทยอาจกลายเป็น “โปแลนด์” ในกรณีสงครามกลางเมืองพม่า เป็นประเด็นที่น่าสนใจสำหรับการวางยุทธศาสตร์ของไทยต่อสถานการณ์รอบบ้านเรา

ทำไม IMF กับ Apple ของจีนกันคนละมุม?

สองคนมองสองมุม ผู้อำนวยการ IMF เตือนว่าเศรษฐกิจจีนอยู่ในช่วงมาถึง “ทางสองแพร่ง” ต้องเลือกระหว่างนโยบายในอดีตหรือ “การปฏิรูปตลาด” เพื่อปลดล็อกการเติบโต

ปูติน-เซเลนสกีแลกหมัด กรณีเหตุก่อการร้ายมอสโก

ตกลงใครอยู่เบื้องหลังเหตุก่อการร้ายต่อโรงคอนเสิร์ตชานเมืองมอสโกที่มีคนตายกว่า 130 คนเมื่อค่ำวันศุกร์ที่ผ่านมา จนกลายเป็นเหตุการณ์ระดับโลก?

คำเตือนก่อเหตุร้ายมอสโก มาจากตะวันตกก่อน 2 สัปดาห์

สองสัปดาห์ก่อนเกิดเรื่องใหญ่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สหรัฐฯเตือนคนของตนในรัสเซียให้หลีกเลี่ยงที่ชุมนุมชนในกรุงมอสโกเพราะอาจจะมีการโจมตีของผู้ก่อการร้าย