อิรักช้ำ พายุทรายกระหน่ำอีกระลอก

พายุทรายระลอกใหม่พัดถล่มอิรัก ฝุ่นสีส้มหนาปกคลุมทั้งเมือง ทำให้ต้องปิดสนามบิน, โรงเรียน, มหาวิทยาลัย และหน่วยงานรัฐทั่วประเทศ

สภาพถนนท่ามกลางพายุทรายขนาดใหญ่ในเมืองนาชิริยาห์ จังหวัดดิการ์ ทางใต้ของอิรัก เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม (Photo by Asaad NIAZI / AFP)

เอเอฟพีรายงานจากกรุงแบกแดด ประเทศอิรัก เมื่อวันจันทร์ที่ 16 พฤษภาคม 2565 กล่าวว่า อิรักเผชิญพายุทรายลูกที่ 2 ของเดือนนี้ และเป็นลูกที่ 8 นับตั้งแต่กลางเดือนเมษายน สาเหตุล้วนมาจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ, ความเสื่อมโทรมของผืนดิน, ความแห้งแล้งรุนแรง และปริมาณน้ำฝนที่ลดลง

พายุทรายครั้งล่าสุดเมื่อต้นเดือนพฤษภาคม ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ขณะที่ผู้คนกว่า 5,000 คนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเนื่องจากปัญหาระบบทางเดินหายใจ

ผู้สื่อข่าวของเอเอฟพีรายงานว่า ฝุ่นทรายสีส้มหนาทึบปกคลุมกรุงแบกแดดในวันจันทร์ และปกคลุมเมืองอื่นๆ อีกหลายเมือง รวมทั้งนาจาฟ เมืองศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาอิสลามนิกายชีอะห์ทางตอนใต้ของแบกแดด และเมืองสุเลมานิยาห์ในเขตปกครองตนเองเคิร์ดทางเหนือ

“ฝุ่นทรายสีเหลืองและสีส้มปกคลุมหลังคาอาคาร, บ้านเรือน, รถยนต์ และบางส่วนเล็ดลอดเข้าไปภายในบ้าน โรงเรียนทั่วประเทศถูกสั่งปิด และการสอบปลายปีต้องเลื่อนออกไปเป็นวันอังคาร ขณะที่มหาวิทยาลัยก็แจ้งเลื่อนการสอบออกไปเช่นกัน ด้านสนามบินแบกแดด ทัศนวิสัยและการมองเห็นลงลดอย่างมากเหลือเพียง 300 เมตร ทำให้ทางการจำเป็นต้องปิดน่านฟ้าและระงับเที่ยวบิน รวมถึงสนามบินในนาจาฟและสุเลมานิยาห์ก็ปิดให้บริการ” ตามรายงานจากสำนักข่าวท้องถิ่น ไอเอ็นเอ

สถานที่ราชการใน 7 จังหวัดจากทั้งหมด 18 จังหวัดของอิรัก ปิดทำการชั่วคราว แต่หน่วยสุขภาพทั่วประเทศยังคงเปิดอยู่ เพื่อรับมือความเจ็บป่วยที่อาจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงอย่างผู้สูงอายุและผู้ที่เป็นโรคหัวใจ หรือมีความบกพร่องจากโรคทางเดินหายใจเรื้อรัง

ภูมิภาคตะวันออกกลางมักได้รับผลกระทบจากฝุ่นและพายุทรายมาโดยตลอด ก่อนที่จะเกิดถี่ขึ้นและรุนแรงขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คาดกันว่าเป็นผลจากการใช้น้ำในแม่น้ำมากเกินไป, การสร้างเขื่อนมากขึ้น, การเสื่อมสภาพของผืนดิน รวมถึงการตัดไม้ทำลายป่า

อิรักอุดมไปด้วยน้ำมันและเป็นที่รู้จักในภาษาอาหรับว่าเป็นดินแดนแห่งแม่น้ำสองสาย ซึ่งอ้างอิงถึงแม่น้ำในตำนานอย่างไทกริสและยูเฟรทีส แต่ทว่าปริมาณน้ำดื่มน้ำใช้ของอิรัก กลับลดลงอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปี และอิรักจัดเป็น 1 ใน 5 ประเทศของโลกที่เสี่ยงมากที่สุดต่อภาวะการเปลี่ยนแปลงด้านสภาพภูมิอากาศและกลายสภาพเป็นทะเลทราย.