คาร์บอมบ์เขย่าเอกวาดอร์ ตามด้วยเหตุจลาจลนักโทษจับกุมผู้คุมเป็นตัวประกัน 57 นาย

เมืองหลวงของเอกวาดอร์ถูกโจมตีด้วยคาร์บอมบ์ 2 ครั้งในชั่วข้ามคืน ตามมาด้วยจลาจลในเรือนจำ 6 แห่งที่นักโทษทำการจับกุมผู้คุมและเจ้าหน้าที่ตำรวจ 57 นายเป็นตัวประกัน

ตำรวจตรวจสอบซากรถที่ถูกไฟไหม้ที่หน้าสำนักงานใหญ่ของหน่วยงานเรือนจำเอกวาดอร์ ในกรุงกีโต เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม (Photo by Rodrigo BUENDIA / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันศุกร์ที่ 1 กันยายน 2566 กล่าวว่า เกิดสองเหตุใหญ่ในกรุงกีโต เมืองหลวงของเอกวาดอร์ โดยเริ่มจากกรณีคาร์บอม 2 ครั้งนอกเรือนจำ ตามมาด้วยการจลาจลในเรือนจำที่นักโทษสามารถจับกุมผู้คุมและเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้เป็นตัวประกัน 57 นาย

คาร์บอมบ์ดังกล่าวมุ่งเป้าไปที่หน่วยงานเรือนจำของประเทศที่เต็มไปด้วยความรุนแรง โดยคาร์บอมบ์คันหนึ่งระเบิดนอกสำนักงานใหญ่ และอีกคันหนึ่งระเบิดที่อาคารซึ่งเดิมเคยเป็นสำนักงานหน่วยงานเรือนจำ

ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา นักโทษในเรือนจำ 6 แห่งทั่วประเทศก่อจลาจลด้วยการจับกุมผู้คุมเรือนจำ 50 นาย และเจ้าหน้าที่ตำรวจ 7 นายเป็นตัวประกัน

การโจมตีระลอกนี้ถือเป็นการแสดงพลังอย่างเห็นได้ชัดจากกลุ่มอาชญากร ขณะที่การลุกฮือในเรือนจำเชื่อกันว่าเป็นการตอบโต้ที่ตำรวจกวาดล้างเรือนจำเพื่อยึดอาวุธเมื่อก่อนหน้านี้

"เรากังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ของเรา" ฮวน ซาปาตา รัฐมนตรีมหาดไทย กล่าวในการแถลงข่าวในกรุงกีโต

เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา เอกวาดอร์กลายเป็นศูนย์กลางการค้ายาเสพติดขนาดใหญ่ ด้วยอาณาเขตที่ติดกับผู้ผลิตโคเคนรายใหญ่ที่สุดของโลกอย่างโคลอมเบียและเปรู

เรือนจำของเอกวาดอร์เป็นสถานที่เกิดเหตุสังหารหมู่โดยแก๊งอาชญากรรมคู่แข่งที่มีความเชื่อมโยงกับแก๊งค้ายาชาวโคลอมเบียและเม็กซิโก ซึ่งส่งผลให้มีนักโทษเสียชีวิตมากกว่า 430 รายนับตั้งแต่ปี 2564 โดยมักทิ้งร่องรอยของศพที่ถูกเผาและแยกชิ้นส่วน

นอกจากนี้ แก๊งค้ายาซึ่งใช้เรือนจำเป็นศูนย์กลางปฏิบัติการ ต่างก็เผชิญหน้ากันตามท้องถนนในเอกวาดอร์เช่นกัน และทำให้อัตราการฆาตกรรมของประเทศเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ที่ 26 คนต่อประชากร 100,000 คนในปี 2565 และสูงกว่าอัตราในโคลอมเบีย, เม็กซิโก หรือบราซิล

ความรุนแรงยังลุกลามเข้าสู่แวดวงการเมืองเมื่อต้นเดือนนี้ โดยเฟร์นันโด วิลลาวิเซนซิโอ วาเลนเซีย วัย 59 ปี ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ถูกยิงเสียชีวิตขณะเดินทางออกจากการปราศรัยหาเสียงในกรุงกีโต.