มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 13 รายและบาดเจ็บ 46 คนในภาคตะวันออกของอินโดนีเซีย จากเหตุระเบิดที่โรงงานแปรรูปนิกเกิลที่ได้รับทุนสนับสนุนจากจีน

คนงานชาวจีนที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิดที่เตาหลอมนิกเกิล ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลทั่วไปประจำภูมิภาคโมโรวาลี ในจังหวัดสุลาเวสีกลาง ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 13 รายและบาดเจ็บ 46 คน (Photo by AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันจันทร์ที่ 25 ธันวาคม 2566 กล่าวว่า เกิดเหตุระเบิดในโรงงานแปรรูปนิกเกิลบนเกาะสุลาเวสี ทางตะวันออกของอินโดนีเซียเมื่อวันอาทิตย์ มีคนงานสัญชาติอินโดนีเซียและจีนเสียชีวิต พร้อมผู้บาดเจ็บจำนวนมาก
เกาะสุลาเวสีที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุเป็นศูนย์กลางการผลิตนิกเกิลซึ่งเป็นโลหะพื้นฐานสำหรับแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าและเหล็กกล้าไร้สนิม และผู้ลงทุนจากจีนได้เข้ามาทำกิจการบนเกาะแห่งนี้มากมายจนสร้างปัญหาด้านคุณภาพการทำงานในแต่ละสถานประกอบการ
อุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 05.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น ที่โรงงานของบริษัท PT Indonesia Tsingshan Stainless Steel (ITSS) ในสวนอุตสาหกรรมโมโรวาลีของจังหวัดสุลาเวสีกลาง โดย Tsingshan Holding Group ถือเป็นผู้ผลิตนิกเกิลรายใหญ่ที่สุดของโลกและผู้ผลิตเหล็กสเตนเลสรายใหญ่ที่สุดของจีน
ตัวแทนของโรงงานดังกล่าวให้ข้อมูลว่า "จำนวนผู้เสียชีวิตที่ได้รับการยืนยันคือ 13 ราย แบ่งเป็นคนงานชาวอินโดนีเซีย 9 ราย และคนงานจากจีน 4 ราย ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บมีทั้งหมด 46 คน โดยอาการส่วนใหญ่เกิดจากการสัมผัสกับไอน้ำร้อน"
ผู้บาดเจ็บ 29 คนถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลของรัฐในเขตโมโรวาลี ขณะที่อีก 12 คนอยู่ระหว่างการสังเกตอาการที่คลินิกแห่งหนึ่งในสวนอุตสาหกรรม และมีผู้ได้รับการดูแลแบบผู้ป่วยนอก 5 คน
จากการสืบสวนเบื้องต้นพบว่าการระเบิดเกิดขึ้นระหว่างงานซ่อมแซมเตาเผา โดยมีตะกรันที่ตกค้างจากเตาเผาไหลออกมาและสัมผัสกับวัสดุไวไฟรอบๆ บริเวณนั้น ก่อนเกิดระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง และทำให้ไฟไหม้ลุกลาม
บริษัทที่บริหารสวนอุตสาหกรรมแห่งนี้ ระบุว่า "รู้สึกเสียใจอย่างยิ่งกับภัยพิบัติครั้งนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับครอบครัวที่ได้รับผลกระทบ"
รายงานระบุว่า ศพของผู้เสียชีวิตที่ระบุตัวตนได้หลายรายถูกส่งกลับไปยังครอบครัวแล้ว
ทางการกำลังตรวจสอบหาสาเหตุที่ทำให้เกิดโศกนาฏกรรมครั้งนี้ และอาจมีบทลงโทษรุนแรงหากพบว่าโรงงานฯไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานอุตสาหกรรมและความปลอดภัย
เหตุไฟไหม้ร้ายแรงไม่ใช่เรื่องแปลกในอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรมากกว่า 250 ล้านคนแต่มาตรฐานด้านความปลอดภัยมักถูกละเลย
เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เพิ่งเกิดเหตุไฟไหม้ที่โรงงานแห่งเดียวกันนี้ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 รายและบาดเจ็บอีก 6 คน ซึ่งถือเป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งที่กระตุ้นให้เกิดความกังวลเรื่องความปลอดภัยในโรงงานที่ได้รับทุนสนับสนุนและดำเนินการโดยบริษัทจีน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ชาวบ้านด่านขุนทดงัดอำนาจ 'รัฐ-ทุนเขียว' ระเบิดอุโมงค์ใหม่โปแตช
กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดด่านขุนทด ชุมนุมแสดงพลัง “ก่อนบ้านจะบึ้ม เราจะบล็อก” เรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและบริษัทเหมืองแร่โปแตช บางจาก ยุติการเดินหน้าขุดเจาะอุโมงค์ใหม่ด้วยการใช้ระเบิด ขณะที่ผลกระทบทำลายชุมชนย่อยยับยังไม่สะสาง พร้อมกระชากหน้ากากทุนจีนเหมืองโปแตชศูนย์เหรียญ
อธิบดีดีเอสไอ ตั้งทีมสอบคนไทยเป็นนอมินีจีนสร้างตึก สตง. ล็อกเป้าเอาผิดฐานเดียวก่อน
“อธิบดีดีเอสไอ” รับคดีนอมินี บจก.ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 บริษัทผู้ก่อสร้างตึก สตง. 30 ชั้นถล่มจากเหตุแผ่นดินไหว เป็นคดีพิเศษแล้ว พร้อมเซ็นตั้งคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษกว่า 35 คน ลุยสอบสวนกรรมการผู้ถือหุ้นใหญ่ชาวไทยบังหน้ากรรมการตัวจริง
'หม่องชิตตู' นัดผู้นำกองกำลังฯ หารือนายทุนจีน แก้ปัญหาค้ามนุษย์ในเมียวดี
รายงานข่าวจากหน่วยเฉพาะกิจราชมนู เผยว่า พ.อ.หม่องชิดตู่ ได้มีการนัดพบ และประชุมกลุ่มผู้นำกองกำลัง บีจีเอฟ (กกล.BGF) , ผู้นำกองกำลังดีเคบีเอ (กกล.DKBA) และผู้ประกอบการ กลุ่มทุนจีน ที่ดำเนินธุรกิจอยู่ในพื้นที่ จ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง สหภาพเมียนมา (สมม).
ป.ป.ง. ขู่โทษถึงคุก 'ทุนจีน' ปลดป้ายคำสั่งอายัด คฤหาสน์หรูริมเจ้าพระยา
สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้ออกเอกสารข่าวถึงกรณีดังกล่าวโดยระบุว่า ตามที่คณะกรรมการธุรกรรมมีคำสั่งที่ ย. 193/2567 ลงวันที่ 18 ก.ย. 2567


