'ความเกลียดชังเป็นเหมือนไวรัสที่รุนแรง'!

บทความพิเศษ จาก “อาร์ตูร์ ดมอฮอฟสกี”
เอกอัครราชทูตโปแลนด์ประจำประเทศไทย

หลังจากที่องค์การสหประชาชาติ ได้กำหนดให้วันที่ 27 มกราคม ของทุกปี เป็นวันรำลึกถึงเหตุการณ์การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวสากล สถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย จึงได้มีการจัดงานรำลึกถึงเหตุการณ์การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว โดยเริ่มด้วยการจุดเทียน 6 เล่ม เพื่อเป็นการรำลึกถึงชาวยิวผู้เสียชีวิต 6 ล้านคน ที่นำโดยนางออร์นา ซากิฟ เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย โดยภายในงานยังได้รับเกียรติจากมิตรนักการทูตคนสำคัญของนางออร์นา ซากิฟอีกด้วย คือ นายอาร์ตูร์ ดมอฮอฟสกี เอกอัครราชทูตโปแลนด์ประจำประเทศไทย ผู้ที่เป็นทั้งอดีตนักข่าวและนักประวัติศาสตร์ที่มีความสามารถ ในโอกาสนี้นายอาร์ตูร์ จึงได้มาร่วมบอกเล่าความรู้สึกและแบ่งปันความประทับใจจากการเข้าร่วมงานสำคัญในครั้งนี้

ผมได้เข้าร่วมงานกับเอกอัครราชทูตอิสราเอล นางออร์นา ซากิฟ ในการรำลึกถึงการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่จัดขึ้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นการพบกันที่สะเทือนอารมณ์มากจากประวัติส่วนตัวของเราทั้งสองคน เนื่องจากอดีตที่น่าเศร้าอยู่ใกล้เรามากเพราะเราทั้งสองคนต่างเป็นลูกของผู้ที่รอดชีวิต พ่อและแม่ของเราต่างเคยเป็นนักโทษในค่ายกักกัน ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองและสามารถเอาชีวิตรอดออกมาได้ ในกรณีของเอกอัครราชทูตซากิฟ แม่ของเธอเกิดในโปแลนด์ ในระหว่างสงครามได้ถูกคุมขังอยู่ในค่ายเอาชวิทซ์จนต่อมาได้ย้ายไปอาศัยอยู่ที่อิสราเอล และพ่อของผมเป็นนักโทษในค่ายกักกันคราคูฟ-พลาสซูฟ ซึ่งเป็นที่รู้จักจากภาพยนตร์เรื่อง Schindler’s List โดยสามารถเอาชีวิตรอดและมีชีวิตอยู่จนเห็นการสิ้นสุดของสงครามได้

เมื่อพวกเราต่างได้พูดคุยกันเกี่ยวกับความทรงจำนี้ ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะไม่รู้สึกหวั่นไหวกับเหตุการณ์ดังกล่าว โดยหนึ่งในภาพสะท้อนแรกๆที่เข้ามาในความคิดก็คือ รากเหง้าของครอบครัวเรามีความเกี่ยวพันอย่างใกล้ชิดกับประวัติศาสตร์ของประเทศ เมื่อพวกคุณได้ดูประวัติศาสตร์ของโปแลนด์ คุณจะพบว่าตั้งแต่ยุคกลางประเทศของผมเป็นที่หลบภัยของชาวยิวในยุโรปมาเป็นเวลาหลายศตวรรษ โดยเป็นที่พักพิงที่ปลอดภัยและได้รับการปกป้องจากการกดขี่ที่มักเกิดขึ้นในส่วนอื่นๆของทวีป แม้กระทั่งช่วงเวลาในประวัติศาสตร์ที่ชาวยิวส่วนใหญ่ทั่วโลกมาอาศัยอยู่ในโปแลนด์ ชุมชนชาวยิวมีความเจริญรุ่งเรืองในโปแลนด์ด้วยการปกครองตนเองและเสรีภาพในการนับถือศาสนา การสร้างวัฒนธรรม ประเพณี และประวัติศาสตร์ แต่น่าเสียดายที่ทุกอย่างต้องสิ้นสุดลงในปี พ.ศ. 2482 โปแลนด์ถูกโจมตีและยึดครองโดยเยอรมนีของฮิตเลอร์และโดยคอมมิวนิสต์รัสเซีย เป็นผลทำให้พลเมืองครึ่งหนึ่งกว่าหกล้านคนที่เป็นชาวยิวในโปแลนด์ต้องถูกสังหาร 

มรดกที่น่าเศร้าของศตวรรษที่ 20 ได้สอนบทเรียนที่สำคัญมากให้แก่เรา เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้โศกนาฏกรรมที่คล้ายกันนี้ได้เกิดขึ้นอีก โดยเฉพาะเรื่องการปลุกปั่นความเกลียดชัง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นสัญชาติ ศาสนา หรือสีผิว อาจนำไปสู่โศกนาฏกรรมได้ง่าย เพราะความเกลียดชังเป็นเหมือนไวรัสที่รุนแรงสามารถแพร่กระจายและไม่สามารถควบคุมได้ ผมเห็นตัวเองตอนแรกเริ่มที่มาทำงานเป็นนักการทูตในภารกิจสันติภาพที่บอสเนียในทศวรรษ 1990 ซึ่งผู้คนที่อยู่กันอย่างสงบสุขมานานหลายสิบปีที่ใช้ชีวิตทำงานและศึกษาด้วยกัน เริ่มที่จะเข่นฆ่ากันเองเพราะผู้นำทางการเมืองโน้มน้าวพวกเขาว่า เพื่อนบ้านที่ต่างเชื้อชาติคือ “ศัตรู”

น่าเสียดายที่ตอนนี้เราสามารถสังเกตมันได้ด้วยตาของเราเองเช่นกัน อีกไม่นานก็จะถึงวันครบรอบปีที่สองของการรุกรานของรัสเซียกับยูเครน นี่เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของโศกนาฏกรรมเมื่อผู้นำทางการเมืองสามารถโน้มน้าวประเทศของตนว่าประเทศเพื่อนบ้านซึ่งมีขนาดเล็กกว่าและอ่อนแอกว่ามากว่าเป็น “ภัยคุกคาม”

ผลที่ตามมาคือ ผู้คนหลายพันคนกำลังจะตายและเพื่อนบ้านของเราคือ ยูเครน ซึ่งเป็นประเทศที่สวยงามและสงบสุขกำลังถูกทำลายอย่างป่าเถื่อนในทุกๆวัน โดยการรุกรานนี้กำลังคุกคามเสถียรภาพของระเบียบระหว่างประเทศทั้งหมด ดังนั้น ทั้งโปแลนด์และไทยในฐานะสมาชิกที่รักสันติภาพของประชาคมระหว่างประเทศ จึงควรให้การสนับสนุนทางยูเครน แม้ว่าความจริงเป็นสิ่งที่น่าเศร้าแต่ในที่สุดความปรารถนาดีจะต้องนำชัยมาให้เรา โดยเราจะดึงบทเรียนจากอดีตเพื่อหลีกเลี่ยงโศกนาฏกรรมในการสร้างโลกที่มั่นคงยิ่งขึ้นและเป็นการสร้างอนาคตที่ดีกว่าให้กับลูกหลานของเรา

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อดีตบิ๊กศรภ. ชี้เหตุผลสำคัญไม่ต้องกลัว 'สหรัฐ' ทิ้ง 'ไทย' แนะรัฐบาลมีจุดยืนมั่นคง

สำหรับพี่ไทยนั้น แม้จะไม่ยอมให้สหรัฐ เข้ามาตั้งฐานทัพ แต่สหรัฐ ก็หวงแหนประเทศไทยมาก เพราะภูมิศาสตร์ที่ตั้งของไทย สหรัฐยังใช้ประโยชน์ได้อีกหลายเรื่อง

‘บรูซ สปริงสทีน’ ประณามความเกลียดชังที่กำลังคุกคามสังคมอเมริกัน

ในงานฉายภาพยนตร์รอบปฐมทัศน์ที่นิวยอร์ก บรูซ สปริงสทีน ร็อกสตาร์ชาวอเมริกัน ออกมากล่าวต่อต้าน “ความเกลียดชัง” ที่เพิ่มมากขึ้น

โฆษกรัฐบาล ตามแก้เฟกนิวส์เขมร กุข่าวไทยประกาศสงคราม หวั่นประชาชนหลงเชื่อ

รัฐบาล ยืนยันไม่มีเรียกประชุมรัฐสภา เพื่อประกาศสงครามกับกัมพูชา แจงสภาฯประชุม สว.เป็นปกติอยู่แล้ว ขอประชาชนอย่าหลงเชื่อข่าวเท็จบิดเบือน

เนทันยาฮู กล่าวหาว่ามาครงส่งเสริมการต่อต้านชาวยิว ปารีสตอบกลับอย่างเฉียบคม

นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู กล่าวหาประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ว่ายุยงให้เกิดการต่อต้านชาวยิวด้วยแผนการรับรองรัฐปาเลสไ