"คิม จองอึน" ผู้นำสูงสุดของเปียงยาง ไปชมการยิงทดสอบมิสไซล์ที่เกาหลีเหนือคุยว่าเป็นมิสไซล์นำวิถีไฮเปอร์โซนิก ด้วยตนเองเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปีเมื่อวันอังคาร โดยคิมขอให้กองทัพสร้างเสริมความแข็งแกร่งทางยุทธศาสตร์ยิ่งขึ้นไปอีก

เอเอฟพีและรอยเตอร์กล่าวว่า รายงานยืนยันของสื่อทางการเกาหลีเหนือเมื่อวันพุธที่ 12 มกราคม 2565 มีออกมาหลังจากทางการเกาหลีใต้และญี่ปุ่นตรวจพบการยิงทดสอบมิสไซล์ครั้งที่ 2 ในรอบไม่ถึงสัปดาห์ของเกาหลีเหนือเมื่อวันอังคาร โดยเชื่อกันว่าเป็นมิสไซล์ชนิดไฮเปอร์โซนิกที่อาจมีความเร็วเหนือเสียงถึง 10 เท่า หรือ 10 มัค การทดสอบของเกาหลีเหนือเรียกเสียงประณามจากหลายชาติ รวมถึงสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป
รายงานของสำนักข่าวกลางเกาหลี (เคซีเอ็นเอ) กล่าวว่า มิสไซล์ที่ยิงทดสอบครั้งล่าสุดเป็นการแสดงถึงขีดความสามารถในการบังคับหลบหลีกที่เหนือกว่าของยานร่อนไฮเปอร์โซนิก ที่โจมตีเป้าหมายในทะเลห่างออกไป 1,000 กิโลเมตรได้อย่างแม่นยำ
เคซีเอ็นเอเผยด้วยว่า คิม จองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือมาชมการทดสอบครั้งนี้ด้วย โดยหนังสือพิมพ์โรดองซินมุน สื่อของพรรคแรงงานเกาหลี ตีพิมพ์ภาพถ่ายหลายภาพของคิม ซึ่งสวมเสื้อคลุมหนังสีดำและใช้กล้องสองตาดูการทดสอบจากฐานชมการปล่อยมิสไซล์เคลื่อนที่

สื่อทางการเกาหลีเหนือรายงานด้วยว่า ภายหลังชมการทดสอบ คิมได้เรียกร้องต่อนักวิทยาการทางทหารให้เพิ่มความพยายามมากยิ่งขึ้นในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางทหารเชิงยุทธศาสตร์ ทั้งในแง่คุณภาพและปริมาณ และให้ปรับปรุงกองทัพให้ทันสมัยมากขึ้นไปอีก
ครั้งสุดท้ายที่คิมมาชมการทดสอบมิสไซล์อย่างเป็นทางการด้วยตนเองคือเมื่อเดือนมีนาคม 2563
อังกิต ปันดา นักวิจัยอาวุโสของมูลนิธิคาร์เนกีเพื่อสันติภาพระหว่างประเทศ โพสต์ทางทวิตเตอร์ว่า การที่คิมมาชมการทดสอบครั้งนี้ชี้ให้เห็นถึงความสนใจเป็นพิเศษต่อโครงการนี้
ส่วนแชด โอแคร์โรลล์ ผู้บริหารของบริษัทประเมินความเสี่ยงโคเรียริสก์กรุ๊ป ที่เฝ้าติดตามสถานการณ์ของเกาหลีเหนือ กล่าวว่า แม้ว่าคิมอาจจะไปชมการทดสอบอย่างไม่เป็นทางการในช่วงเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา แต่การเผยแพร่ภาพการปรากฏตัวของคิมบนหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์โรดองซินมุนเป็นเรื่องสำคัญ มันหมายความว่า คิมไม่ได้กังวลว่าตัวเขาจะถูกดึงเข้ามาเกี่ยวข้องกับการทดสอบเทคโนโลยีใหม่ๆ และเขาไม่ใส่ใจว่าสหรัฐจะมองเรื่องนี้ยังไง
การทดสอบเมื่อวันอังคารเป็นการทดสอบมิสไซล์นำวิถีไฮเปอร์โซนิกครั้งที่ 3 ของเกาหลีเหนือ ครั้งแรกเกิดเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว ครั้งที่สองในสัปดาห์ที่ผ่านมา เคซีเอ็นเอกล่าวว่า การทดสอบล่าสุดมีเป้าหมายเพื่อการพิสูจน์ขั้นสุดท้ายของคุณลักษณะเฉพาะทางเทคนิคโดยรวมของระบบอาวุธไฮเปอร์โซนิกที่พัฒนาขึ้น

รายงานกล่าวว่า หลังจากถูกปล่อยจากจรวดบูสเตอร์ ยานร่อนนำวิถีไฮเปอร์โซนิกได้บินนำวิถีต่อไปอีก 600 กิโลเมตร แล้วจากนั้นได้ควงสว่านต่อ 240 กิโลเมตร ก่อนจะโจมตีเป้าหมายในทะเล
เจ้าหน้าที่ของเกาหลีใต้เคยคลางแคลงขีดความสามารถของมิสไซล์ไฮเปอร์โซนิกของเกาหลีเหนือหลังการทดสอบครั้งแรก โดยกล่าวว่าไม่น่าจะมีพิสัยและขีดความสามารถในการบังคับหลบหลีกตามที่สื่อเกาหลีเหนืออ้าง โดยน่าจะเป็นการติดตั้งหัวรบที่หลบหลีกได้มากกว่ายานนำวิถีจริงๆ แต่ในการทดสอบวันอังคาร เกาหลีใต้ยอมรับว่า มิสไซล์ลูกนี้ก้าวหน้าขึ้น โดยทำความเร็วได้ถึง 10 มัค แต่พวกเขาไม่ได้ให้ทัศนะถึงขีดความสามารถในการหลบหลีก.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อุต๊ะ! 'นางแบกเพื่อไทย' ฟาดสื่อรัฐบาลสอบตกหมด ไปทางเกาหลีเหนือแล้ว
นางสาวลักขณา ปันวิชัย หรือ คำ ผกา หรือ แขก ผู้ดำเนินรายการคุยคลายข่าว ออกอากาศผ่านสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) กรมประชาสัมพันธ์ และเป็นผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีการสื่อสารของรัฐบาลในสถานการณ์สู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า
ทหารเกาหลีเหนือแปรพักตร์ หลบหนีข้ามพรมแดนไปทางใต้
หน่วยรักษาชายแดนของเกาหลีใต้เคยเฝ้าจับตาดูเขามาระยะหนึ่งแล้ว ในที่สุดนายทหารชั้นประทวนของเกาหลีเหนือก็ละทิ้งราชก
เกาหลีเหนือส่งลูกโป่งพร้อมขยะข้ามชายแดนไปเกาหลีใต้
เกาหลีเหนือส่งลูกโป่งพร้อมด้วยขยะหลายร้อยลูกข้ามชายแดนที่มีการป้องกันอย่างแน่นหนาไปยังเกาหลีใต้ ลูกโป่งบาง


