กองกำลังอิสราเอลสวมหน้ากากพร้อมอาวุธครบมือบุกโจมตีสำนักงานสถานีข่าวอัลจาซีราในเวสต์แบงก์ และสั่งปิดสถานีทันที 45 วัน ข้อหาเชื่อมโยงกลุ่มฮามาสและกลุ่มญิฮาดอิสลาม

ภาพจากฟุตเทจที่เผยแพร่โดยสถานีโทรทัศน์อัลจาซีราในกรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ เมื่อวันที่ 22 กันยายน แสดงให้เห็นทหารอิสราเอลกำลังพูดคุยกับวาลิด อัล-โอมารี หัวหน้าสำนักงานอัลจาซีราในเมืองรามัลเลาะห์ของเขตเวสต์แบงก์ และออกคำสั่งปิดทำการสำนักงานดังกล่าวเป็นเวลา 45 วัน (Photo by AL JAZEERA / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันจันทร์ที่ 23 กันยายน 2567 กล่าวว่า กองกำลังอิสราเอลสวมหน้ากากพร้อมอาวุธครบมือบุกโจมตีสำนักงานสถานีข่าวอัลจาซีราในเมืองรามัลเลาะห์ของเขตเวสต์แบงก์ และสั่งปิดสถานีทันที 45 วัน
นับเป็นการโจมตีครั้งล่าสุดในความบาดหมางระหว่างสถานีโทรทัศน์อาหรับและรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ซึ่งดำเนินมาอย่างยาวนาน และยิ่งเลวร้ายลงในช่วงสงครามฉนวนกาซา
ตั้งแต่สงครามเริ่มขึ้นในวันที่ 7 ตุลาคม เมื่อกลุ่มฮามาสโจมตีอิสราเอล อัลจาซีราได้รายงานผลจากปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลอย่างต่อเนื่อง
กองทัพอิสราเอลกล่าวหาหลายต่อหลายครั้งว่าผู้สื่อข่าวจากเครือข่ายที่ตั้งอยู่ในกาตาร์มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มฮามาสหรือกลุ่มญิฮาดอิสลามซึ่งเป็นพันธมิตรกัน
อัลจาซีราปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวอย่างขึงขังมาตลอด และระบุว่าอิสราเอลต่างหากที่คอยหาเรื่องและโจมตีพนักงานของตนในฉนวนกาซามาตลอด
ทั้งนี้ นักข่าวอัลจาซีรา 4 รายถูกสังหารตั้งแต่สงครามในฉนวนกาซาเริ่มต้นขึ้น และสำนักงานของเครือข่ายในดินแดนดังกล่าวก็ถูกทิ้งระเบิดจนเสียหาย
กองทัพอิสราเอลกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า สำนักงานข่าวฯในรามัลเลาะห์ถูกสั่งปิดเนื่องจากมีการดำเนินการเพื่อปลุกระดมและสนับสนุนกิจกรรมก่อการร้าย ดังนั้นการออกอากาศของอัลจาซีราจึงเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของอิสราเอล
แถลงการณ์ของกองทัพระบุว่า ได้ปิดผนึกสำนักงานดังกล่าวแล้ว รวมทั้งยึดอุปกรณ์ไว้ทั้งหมด
อัลจาซีรากล่าวว่าการบุกจู่โจมของอิสราเอลเป็น "การกระทำที่ผิดกฎหมาย และเป็นการโจมตีเสรีภาพสื่อ"
ในบทสนทนาระหว่างการบุกจู่โจมซึ่งมีการถ่ายทอดสดด้วยในขณะนั้น ทหารอิสราเอลบอกกับวาลิด อัล-โอมารี หัวหน้าสำนักงานเวสต์แบงก์ของอัลจาซีราว่า ศาลมีคำสั่งให้ปิดสำนักงานดังกล่าวเป็นเวลา 45 วัน
"ผมขอให้คุณเอากล้องถ่ายรูปทั้งหมดออกจากสำนักงานทันที" ทหารคนหนึ่งกล่าวระหว่างการออกอากาศ ขณะที่โอมารีตอบกลับไปว่า "การเล่นงานนักข่าวในลักษณะนี้มักจะมุ่งลบความจริงและป้องกันไม่ให้ผู้คนได้ยินสิ่งเหล่านั้น"
กระทรวงต่างประเทศปาเลสไตน์ซึ่งประจำอยู่ในเมืองรามัลเลาะห์ประณามปฏิบัติการของอิสราเอลว่าเป็น "การละเมิดเสรีภาพสื่ออย่างร้ายแรง"
โมฮัมหมัด อาบู อัล-รูบ ผู้อำนวยการสำนักงานสื่อในรัฐบาลปาเลสไตน์ซึ่งมีอำนาจในการบริหารบางส่วนในเขตเวสต์แบงก์ กล่าวว่า "การปิดสำนักงานอัลจาซีรายืนยันความพยายามของกลุ่มยึดครอง (อิสราเอล) ที่จะขัดขวางการทำงานของสื่อในการนำเสนอการละเมิดของกลุ่มยึดครองที่กระทำต่อชาวปาเลสไตน์"
สมาคมสื่อมวลชนต่างประเทศในอิสราเอลและดินแดนปาเลสไตน์กล่าวเช่นกันว่า รู้สึกกังวลอย่างยิ่งกับการยกระดับความรุนแรงนี้ และเรียกร้องให้อิสราเอลพิจารณาความเคลื่อนไหวดังกล่าวเสียใหม่
"การจำกัดนักข่าวต่างประเทศและปิดสถานีข่าวเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงจากค่านิยมประชาธิปไตย" คณะกรรมการสมาคมฯระบุในแถลงการณ์
ขณะที่คณะกรรมการคุ้มครองนักข่าว (CPJ) เรียกร้องให้ทางการอิสราเอล "หยุดคุกคาม" อัลจาซีรา
"ความพยายามของอิสราเอลในการเซ็นเซอร์อัลจาซีราเป็นการบ่อนทำลายสิทธิของสาธารณชนในการเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับสงครามที่พลิกผันชีวิตผู้คนมากมายในภูมิภาค ซึ่งนักข่าวของอัลจาซีราต้องได้รับอนุญาตให้รายงานข่าวในช่วงเวลาที่สำคัญนี้ และตลอดไป" คาร์ลอส มาร์ติเนซ เด ลา เซอร์นา ผู้อำนวยการรายการของ CPJ กล่าวในแถลงการณ์
ในเดือนเมษายน รัฐสภาอิสราเอลผ่านกฎหมายอนุญาตให้มีการระงับการออกอากาศของสื่อต่างประเทศที่ถือว่าเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของรัฐได้ และเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลอิสราเอลประกาศว่าจะเพิกถอนใบอนุญาตนักข่าวของอัลจาซีรา
อย่างไรก็ตาม การสั่งปิดหน่วยงานดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการออกอากาศจากเขตเวสต์แบงก์หรือฉนวนกาซา ซึ่งอัลจาซีรายังคงรายงานเกี่ยวกับสงครามในฉนวนกาซาต่อไปได้จากช่องทางอื่น
นิดา อิบราฮิม ผู้สื่อข่าวของอัลจาซีรากล่าวว่า การปิดสำนักงานของเครือข่ายในเวสต์แบงก์ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีการห้ามรายงานข่าวจากภายในอิสราเอลมาแล้ว
สำนักงานสื่อของกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซาประณามการโจมตีเมื่อวันอาทิตย์ โดยระบุในแถลงการณ์ว่าเป็น "เรื่องอื้อฉาวที่ดังกึกก้องและเป็นการละเมิดเสรีภาพสื่ออย่างโจ่งแจ้ง"
ประเทศกาตาร์ซึ่งให้เงินทุนบางส่วนแก่อัลจาซีรา ยังทำหน้าที่เป็นฐานทัพของอิสมาอิล ฮานีเยห์ ผู้นำทางการเมืองของกลุ่มฮามาสอีกด้วย โดยฮานีเยห์ถูกสังหารในเดือนกรกฎาคมระหว่างการโจมตีในเตหะราน ซึ่งอิหร่านและฮามาสกล่าวโทษว่าเป็นฝีมือของอิสราเอล
การโจมตีของกลุ่มฮามาสเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1,205 รายในฝั่งอิสราเอล รวมถึงตัวประกันที่เสียชีวิตระหว่างถูกจองจำ
การรุกตอบโต้ของอิสราเอลทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 41,431 รายในฉนวนกาซา ตามตัวเลขที่กระทรวงสาธารณสุขของดินแดนดังกล่าวจัดทำขึ้นและสหประชาชาติยอมรับว่าตัวเลขดังกล่าวมีความน่าเชื่อถือ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อียิปต์ กาตาร์ และตุรเกีย ร่วมหารือแผนสันติภาพกาซาระยะที่ 2
ผู้ไกล่เกลี่ยในตะวันออกกลางอย่าง อียิปต์ กาตาร์ และตุรเกีย ได้พบปะกันที่กรุงไคโรเมื่อวันอังคาร เพื่อหารือเกี่ยวกับแผนสันติภาพกาซาระยะที่สองของสหรัฐฯ การประชุมมีหัวหน้าหน่วยข่าวกรองของอียิปต์และตุรเกียเข้าร่วมด้วย ตามรายงานของสถานีข่าวอัล-คาเฮรา นายกรัฐมนตรีโมฮัมเหม็ด บิน อัลดุลเราะห์มาน อัล-ธานี แห่งกาตาร์ ก็เข้าร่วมด้วยเช่นกัน
เนทันยาฮู ประณามความรุนแรงจากกลุ่มหัวรุนแรงในเวสต์แบงก์
เนื่องด้วยการโจมตีหมู่บ้านชาวปาเลสไตน์ในเขตเวสต์แบงก์ที่เพิ่มมากขึ้น นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู จึงประณามผู้ตั้งถิ่นฐานชาวยิวที่ก่อเ
ตำรวจอิสราเอลจับกุมผู้ตั้งถิ่นฐาน ที่เกี่ยวข้องกับการโจมตีชาวปาเลสไตน์
หลังจากการโจมตีอย่างรุนแรงต่อชาวปาเลสไตน์ในเขตเวสต์แบงก์ กองกำลังความมั่นคงของอิสราเอลได้จับกุมผู้ก่อตั้งถิ่นฐานชาวยิวหัวรุนแรงหลายคนที่เกี่ยวข้อง
การหารือในเยรูซาเล็ม เกี่ยวกับการดำเนินการตามแผนสันติภาพกาซาต่อไป
จาเร็ด คุชเนอร์ ที่ปรึกษาพิเศษของสหรัฐฯ และนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู พบกันที่เยรูซาเล็มเพื่อหารือเกี่ยวกับการดำเนินการต
กลุ่มประเทศมุสลิมยืนกราน ให้ปาเลสไตน์ปกครองตนเองในฉนวนกาซา
รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของตุรเกีย แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อเรียกร้องของ 7 ชาติมุสลิมที่พบปะกันในอิสตันบูล เพื่อหารือเรื่องอนาคตของฉนวนกาซา โดยอ้างคำพูดของประธานาธิบดีแอร์โดอันเกี่ยวกับจุดยืนที่ “เฉยชา” ของอิสราเอล


