อิสราเอลต้องการ 'ซีเรียในแบบอื่น'

หลังจากการโค่นล้มบาชาร์ อัล-อัสซาด ผู้นำซีเรีย กองทัพอิสราเอลได้ดำเนินการโจมตีเป้าหมายทางทหารในซีเรียรวมแล้วประมาณ 480 ครั้งนับตั้งแต่วันอาทิตย์ กองทัพอิสราเอลกำหนดเป้าหมายไปที่คลังอาวุธทางยุทธศาสตร์ในซีเรียเป็นส่วนใหญ่ และป้องกันไม่ให้มันตกไปอยู่ในมือของผู้ก่อการร้าย

เป้าหมายดังกล่าวรวมถึงเรือของกองทัพซีเรีย 15 ลำ เครื่องบิน สนามบิน และโรงงานผลิตอาวุธในหลายเมือง อิสราเอล แคตซ์-รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของอิสราเอล ระบุว่า เมื่อคืนวันอังคารกองทัพเรือประเทศของเขาสามารถทำลายกองเรือซีเรียได้สำเร็จ

กิเดียน ซาร์-รัฐมนตรีต่างประเทศของอิสราเอล แสดงความเห็นว่า อิสราเอลไม่มีความสนใจที่จะแทรกแซงกิจการภายในของซีเรีย ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการปกป้องพลเมืองของอิสราเอล “นั่นคือเหตุผลที่เราโจมตีระบบอาวุธเชิงยุทธศาสตร์ เช่น อาวุธเคมีที่หลงเหลืออยู่หรือขีปนาวุธพิสัยไกล เพื่อไม่ให้ตกไปอยู่ในมือของกลุ่มก่อการร้าย”

อิสราเอลกำลัง “เปลี่ยนแปลงโฉมหน้าของตะวันออกกลาง” นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูกล่าว ซีเรียภายใต้การปกครองของอัสซาดเป็น “จุดเชื่อมโยงที่สำคัญที่สุดในแกนแห่งความชั่วร้ายของอิหร่าน” เวลานี้อิสราเอลต้องการ “ซีเรียในแบบอื่น” ที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งอิสราเอลและพลเมืองในซีเรียเอง เนทันยาฮูกล่าวว่า “รัฐอิสราเอลกำลังสถาปนาตัวเองเป็นศูนย์กลางอำนาจในภูมิภาคของเรา ในลักษณะที่ไม่เคยเป็นอย่างนี้มานานหลายทศวรรษ” ก่อนหน้านี้กองทัพอิสราเอลได้ย้ายพื้นที่กันชนบางส่วนในที่ราบสูงโกลันที่ถูกยึดครอง และสถานที่อื่นๆ รวมถึงพื้นที่บนภูเขาเฮอร์มอนฝั่งซีเรียเป็นมาตรการชั่วคราวด้วย

ขณะเดียวกันสหประชาชาติได้กล่าวหากองทัพอิสราเอลว่าละเมิดข้อตกลงหยุดยิงปี 1974 โดยการรุกล้ำเข้าสู่เขตกันชนปลอดทหาร หลังจากการพิจารณาของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในนิวยอร์ก วาซิลี เนเบนซา-เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติกล่าวกับสื่อว่า “สภาเห็นพ้องต้องกันไม่มากก็น้อยเกี่ยวกับความจำเป็นในการรักษาบูรณภาพแห่งดินแดนและเอกภาพของซีเรีย เพื่อให้แน่ใจว่าพลเรือนจะได้รับการคุ้มครองและรับรองความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม”

ตามรายงานของทำเนียบขาว ประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้โทรศัพท์ถึงกษัตริย์แห่งจอร์แดน เน้นย้ำถึงการสนับสนุนอย่างเต็มที่สำหรับกระบวนการเปลี่ยนผ่าน ที่นำโดยซีเรียภายใต้การอุปถัมภ์ของสหประชาชาติ การเปลี่ยนผ่านทางการเมืองในซีเรียกำลังดำเนินการอยู่ และมีการจัดการภายในกับกลุ่มพันธมิตรกบฏ

นายกรัฐมนตรีโอลาฟ ชอลซ์ของเยอรมนี และประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงของฝรั่งเศส ตกลงกันทางโทรศัพท์ว่า พวกเขาพร้อมที่จะทำงานร่วมกับผู้บริหารประเทศชุดใหม่ของซีเรีย บนพื้นฐานของสิทธิมนุษยชนและการคุ้มครองชนกลุ่มน้อยทางชาติพันธุ์และศาสนา โฆษกรัฐบาลเยอรมนีกล่าว “สิ่งสำคัญคือ ต้องรักษาบูรณภาพแห่งดินแดนและอธิปไตยของซีเรีย”

เคียร์ สตาร์เมอร์-นายกรัฐมนตรีของอังกฤษกล่าวระหว่างการเยือนซาอุดีอาระเบียว่า ยังเร็วเกินไปที่จะพิจารณาจุดยืนในรัฐบาลของเขาเกี่ยวกับกลุ่มกบฏ เนื่องจากสหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา และประเทศตะวันตกอื่นๆ ยังจัดประเภทของกลุ่มกบฏเป็นองค์กรก่อการร้าย

แอนโทนี บลิงเกน-รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ กล่าวว่า สหรัฐฯ มุ่งมั่นที่จะป้องกันไม่ให้กลุ่มติดอาวุธญิฮาดกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ไปสร้างที่หลบภัยในซีเรียอีกครั้ง สหรัฐฯ จึงได้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศต่อเป้าหมายในซีเรียในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา.