รัฐบาลปักกิ่งยื่นฟ้ององค์การการค้าโลก (WTO) กรณีสหรัฐฯ ขึ้นภาษีสินค้าจีนตามนโยบายกีดกันของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
(Photo by Frederic J. BROWN / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพุธที่ 5 มีนาคม 2568 กล่าวว่า มาตรการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากเม็กซิโก, แคนาดา และจีน ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สร้างความปั่นป่วนใหักับประเทศเหล่านี้จนต้องตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีสินค้าสหรัฐด้วยเช่นกัน
และล่าสุดรัฐบาลปักกิ่งได้ยื่นฟ้องสหรัฐอเมริกาและรัฐบาลวอชิงตันของทรัมป์ ต่อองค์การการค้าโลก (WTO) จากกรณีขึ้นภาษีอย่างไม่เป็นธรรมและมีเจตนากีดกันทางการค้า
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหนึ่งวันหลังจากทรัมป์สั่งขึ้นภาษีสินค้าจีนเพิ่มเติม โดยเพิ่มอัตราภาษีที่เรียกเก็บก่อนหน้านี้จาก 10% เป็น 20%
กระทรวงพาณิชย์ของจีนระบุในแถลงการณ์ว่า "มาตรการภาษีฝ่ายเดียวของสหรัฐฯ ละเมิดกฎขององค์การการค้าโลกอย่างร้ายแรงและทำลายรากฐานความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ" พร้อมเสริมว่า "รัฐบาลปักกิ่งขอประท้วงด้วยความไม่พอใจอย่างยิ่งและคัดค้านอย่างหนักแน่นต่อมาตรการภาษีดังกล่าว"
เพื่อตอบโต้การขึ้นภาษีของสหรัฐฯ รัฐบาลปักกิ่งจึงได้กำหนดภาษีใหม่สำหรับสินค้าเกษตรที่นำเข้าจากสหรัฐฯ โดยจะเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติม 15% สำหรับผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น ไก่, ข้าวสาลี, ข้าวโพด และฝ้าย ซึ่งจะเริ่มบังคับใช้ในสัปดาห์หน้า
"จีนจะปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ที่ถูกต้องตามกฎหมายของตนอย่างมั่นคง และปกป้องระเบียบเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศตามกฎขององค์การการค้าโลก" กระทรวงพาณิชย์ของจีนระบุ
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ขององค์การการค้าโลกยืนยันกับเอเอฟพีว่าได้รับคำร้องเรียนจากจีนแล้ว
ในการเรียกเก็บภาษี ทรัมป์กล่าวว่าจีนไม่ได้ดำเนินการมากพอที่จะหยุดยั้งการค้าเฟนทานิลและโอปิออยด์ที่มีฤทธิ์แรงชนิดอื่นๆ ซึ่งคร่าชีวิตชาวอเมริกันหลายพันคนในแต่ละปี
นักวิเคราะห์กล่าวว่าการหยุดยั้งการไหลเวียนของยาเสพติดอันตรายเป็นเพียงเป้าหมายเดียวของทรัมป์ ซึ่งมักกล่าวถึงความไม่สมดุลทางการค้าเมื่อหารือเกี่ยวกับภาษีศุลกากร
ในเอกสารเผยแพร่เมื่อวันอังคาร คณะกรรมการควบคุมยาเสพติดแห่งชาติของจีนได้ยกย่องมาตรการที่ดำเนินการไปแล้วเพื่อปราบปรามการค้าสารที่เกี่ยวข้องกับเฟนทานิล ตามรายงานของสื่อสหรัฐ
สำนักข่าวซินหัวของจีนรายงานว่า "ตั้งแต่ดำเนินการควบคุมสารที่เกี่ยวข้องกับเฟนทานิลอย่างเต็มรูปแบบ จีนก็ไม่พบกรณีการลักลอบนำหรือขายสารที่เกี่ยวข้องกับเฟนทานิลในต่างประเทศอีก"
จีนเป็นตลาดสำคัญสำหรับการส่งออกพลังงานของสหรัฐฯ และตามข้อมูลของกรมศุลกากรปักกิ่ง การนำเข้าน้ำมัน, ถ่านหิน และ LNG มีมูลค่ารวมกว่า 7 พันล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว
รัฐบาลปักกิ่งเปิดข้อพิพาทที่คล้ายคลึงกันในเดือนกุมภาพันธ์ เมื่อทรัมป์ขู่ว่าจะขึ้นภาษีเป็นครั้งแรก โดยระบุว่าการจัดเก็บภาษีดังกล่าวเป็น "การกระทำอันชั่วร้าย" ในขณะนั้น
นอกจากนี้ จีนยังระบุว่าจะสอบสวนบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของสหรัฐฯ อย่าง Google และกลุ่มแฟชั่นของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์ Tommy Hilfiger และ Calvin Klein
ทรัมป์ได้กำหนดให้ภาษีศุลกากรเป็นเครื่องมือสำคัญด้านนโยบายต่างประเทศในช่วงดำรงตำแหน่งสมัยที่สอง โดยกล่าวติดตลกว่าคำว่าภาษีศุลกากรเป็นคำที่ "ไพเราะที่สุด" ในพจนานุกรม
นอกจากนี้ ผู้นำสหรัฐยังได้กำหนดภาษีศุลกากรต่อเม็กซิโกและแคนาดา ซึ่งเขากล่าวว่าเป็นการลงโทษที่ไม่สามารถหยุดยั้งการไหลบ่าของผู้อพยพและยาเสพติดเข้าสู่สหรัฐอเมริกาได้.
