ฟรีดริช เมิร์ซได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีเยอรมนี ผ่านการลงคะแนนเสียงรับรองรอบสอง

ฟรีดริช เมิร์ซ ผู้นำฝ่ายอนุรักษนิยมของเยอรมนีชนะการลงคะแนนเสียงรอบสองในรัฐสภา และก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหลังจากพ่ายแพ้ในรอบแรกอย่างน่าตกตะลึง

ฟรีดริช เมิร์ซ นายกรัฐมนตรีเยอรมนีคนใหม่ (กลาง) ถ่ายรูปร่วมกับคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ที่ทำเนียบรัฐบาลในกรุงเบอร์ลิน เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม (Photo by Odd ANDERSEN / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพุธที่ 7 พฤษภาคม 2568 กล่าวว่า ภายหลังความพ่ายแพ้ในการลงคะแนนเสียงเพื่อแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีเยอรมนีรอบแรกในรัฐสภา ฟรีดริช เมิร์ซสามารถเอาชนะคะแนนเสียงส่วนใหญ่ในการลงคะแนนรอบสองได้ พร้อมก้าวสู่การดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศอย่างเป็นทางการ

จากการลงคะแนนรอบแรก เมิร์ซหวังว่าจะชนะการโหวตแบบปิดด้วยคะแนนเสียงข้างมากอย่างน้อย 316 เสียงจากทั้งหมด 630 เสียงในสภาผู้แทนราษฎร แต่ผลปรากฏว่าเขาได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกรัฐสภาเพียง 310 คน โดยมี 307 คนลงคะแนนเสียงไม่เห็นด้วย

แต่จากการลงคะแนนรอบสองในวันเดียวกัน เมิร์ซ วัย 69 ปี ได้รับคะแนนข้างมาก 325 ต่อ 289 เสียง จากสภาผู้แทนราษฎร

ความพ่ายแพ้อย่างไม่คาดคิดซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์หลังสงครามของเยอรมนี ทำให้ชัยชนะในรอบสองของเขานั้นปนเปไปด้วยความสุขและเศร้า เพราะสถานการณ์ชี้ให้เห็นถึงความไม่ลงรอยภายในกลุ่มพันธมิตรของเขาเอง

เมิร์ซได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรพรรคอนุรักษนิยม (CDU/CSU) ซึ่งชนะการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนกุมภาพันธ์ และพรรคโซเชียลเดโมแครต (SPD) ฝ่ายกลางซ้ายของอดีตนายกรัฐมนตรีโอลาฟ ชอลซ์ ซึ่งมีที่นั่งรวมกัน 328 ที่นั่ง

ประธานาธิบดีฟรังค์-วัลเทอร์ ชไตน์ไมเออร์ได้แต่งตั้งเมิร์ซเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 10 ของเยอรมนีหลังสงคราม และเขาจะเดินทางไปเยือนปารีสและวอร์ซอทันทีในภารกิจแรก

"แม้จะล่าช้าไปเล็กน้อย แต่ขอแสดงความยินดีกับการเลือกตั้งของคุณ ผมขอให้คุณประสบความสำเร็จในสิ่งที่รออยู่ข้างหน้า" ชไตน์ไมเออร์กล่าวกับเมิร์ซที่พระราชวังเบลล์วิวในเบอร์ลิน

เมิร์ซกล่าวตอบว่า "ผมน้อมรับความรับผิดชอบนี้ด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน, ความมุ่งมั่น และความมั่นใจ เป็นเรื่องดีที่เยอรมนีมีรัฐบาลกลางที่มีเสียงข้างมากในรัฐสภาอีกครั้ง"

"รัฐบาลของเราเป็นพันธมิตรจากศูนย์กลางของสเปกตรัมทางการเมืองของประเทศ และผมมั่นใจมากว่าเราจะสามารถแก้ปัญหาของประเทศได้" นายกฯคนใหม่กล่าว

เมิร์ซได้ให้คำมั่นว่าจะฟื้นฟูเศรษฐกิจที่กำลังย่ำแย่, ระงับการย้ายถิ่นฐานที่ผิดกฎหมาย และเสริมสร้างบทบาทของรัฐบาลเบอร์ลินในยุโรป เช่นเดียวกับการตอบสนองต่อช่วงเวลาที่วุ่นวายทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ทวีความรุนแรงขึ้นนับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กลับมามีอำนาจอีกครั้ง

ทรัมป์กดดันพันธมิตรในยุโรปอย่างหนัก โดยระบุว่าพวกเขาใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศของนาโตน้อยเกินไป และเรียกเก็บภาษีนำเข้าซึ่งสร้างความเจ็บปวดอย่างยิ่งต่อการส่งออกพลังงานของเยอรมนี

เมิร์ซ ซึ่งมีภูมิหลังทางธุรกิจที่แข็งแกร่งแต่ไม่เคยดำรงตำแหน่งผู้นำรัฐบาล กล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า "เราอยู่ในช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่, ความปั่นป่วนครั้งใหญ่ และความไม่แน่นอนที่ยิ่งใหญ่"

"และนั่นคือเหตุผลที่เรารู้ว่าเป็นภาระหน้าที่ทางประวัติศาสตร์ของเราในการนำพาพันธมิตรนี้ไปสู่ความสำเร็จ" เขากล่าวต่อรัฐสภา.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เตหะรานเรียกทูตเยอรมันเข้าพบ หลังเมิร์ซลั่นเรื่อง 'งานสกปรก'

ภายหลังนายกรัฐมนตรีฟรีดริช เมิร์ซของเยอรมนี ออกแถลงการณ์ว่า อิสราเอลกำลัง “ทำงานสกปรก” ในอิหร่านเพื่อคนอื่นๆ อิหร่านจึงเรีย

ท่าทีของเยอรมนี หลังการประชุมสุดยอด G7

กลุ่มประเทศ G7 ต้องการเพิ่มแรงกดดันต่อรัสเซีย เพื่อโน้มน้าวเครมลินให้เจรจายุติสงครามในยูเครน ในการประชุมสุดยอด G7 ที่เมืองคานานาสกิส ประเทศ

นายกฯเยอรมนี เอาใจ 'ทรัมป์' ด้วยของขวัญเซอร์ไพรส์

นายกรัฐมนตรีฟรีดริช เมิร์ซเองก็รู้สึกตื่นเต้นกับของขวัญที่เขามอบให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นั่นคือสำเนาใบสูติบัตรเยอรมันของฟรีดริช-ปู่ขอ