อินเดียและปากีสถานยิงกระสุนปืนใหญ่ใส่กันอย่างหนักตามแนวชายแดนที่เป็นข้อพิพาท สืบเนื่องจากการที่กองทัพอินเดียยิงขีปนาวุธโจมตีเพื่อนบ้านคู่ปรับที่มีอาวุธนิวเคลียร์ นับเป็นความรุนแรงครั้งเลวร้ายที่สุดระหว่างสองประเทศในรอบสองทศวรรษ

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของอินเดียยืนเฝ้าที่เมืองวูยาน ใกล้เมืองศรีนาการ์ เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม หลังเกิดความตึงเครียดที่ชายแดนอินเดียและปากีสถาน (Photo by Tauseef MUSTAFA / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพุธที่ 7 พฤษภาคม 2568 กล่าวว่า ปากีสถานรายงานผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 36 รายจากการโจมตีและการยิงกระสุนปืนใหญ่ของอินเดียตามแนวชายแดน ขณะที่อินเดียเองระบุว่ามีพลเรือนอย่างน้อย 8 รายเสียชีวิตจากการยิงกระสุนปืนใหญ่ของปากีสถานเช่นกัน
เจ้าหน้าที่กองทัพอากาศอินเดียกล่าวว่า "ค่ายก่อการร้าย 9 แห่งถูกโจมตีและทำลายสำเร็จ" ในปฏิบัติการตอบโต้ต่อรัฐบาลอิสลามาบัดที่เชื่อว่าให้การสนับสนุนการโจมตีนองเลือดในดินแดนพิพาทแคชเมียร์ที่อินเดียปกครอง
กองทัพอินเดียกล่าวว่า "ความยุติธรรมได้สำแดงผลแล้วอย่างมีเป้าหมาย, รอบคอบ และไม่ลุกลาม"
รัฐมนตรีกลาโหมปากีสถานกล่าวหาว่า นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดียสั่งการให้โจมตีเพื่อสร้างความนิยมในประเทศตนเอง และตอนนี้ปากีสถานเริ่มการตอบโต้แล้ว
โฆษกกองทัพปากีสถานกล่าวในการแถลงข่าวที่กรุงอิสลามาบัดว่ากองทัพได้ยิงเครื่องบินขับไล่ของอินเดียตก 5 ลำ ซึ่งรวมถึงเครื่องบินขับไล่ 'ราฟาเอล' ของฝรั่งเศส 3 ลำ หลังจากที่เครื่องบินเหล่านี้โจมตีปากีสถาน
เขากล่าวเสริมว่าโรงไฟฟ้าพลังน้ำในแคชเมียร์ของปากีสถานก็ตกเป็นเป้าการโจมตีเช่นกัน โดยการสร้างความเสียหายให้กับโครงสร้างเขื่อน
แหล่งข่าวความมั่นคงระดับสูงของอินเดียซึ่งขอไม่เปิดเผยชื่อ กล่าวว่าเครื่องบินขับไล่ของอินเดีย 3 ลำตกในดินแดนบ้านเกิด
ช่างภาพของเอเอฟพีพบเห็นซากเครื่องบินลำหนึ่งที่เมืองวูยานซึ่งเป็นฝั่งที่อินเดียควบคุมในแคชเมียร์
กองทัพปากีสถานกล่าวว่าพลเรือน 21 รายเสียชีวิตจากการโจมตีครั้งนี้ ขณะที่อีก 5 รายเสียชีวิตจากการยิงกระสุนปืนใหญ่ที่ชายแดน
มีเด็ก 4 ราย รวมถึงเด็กหญิงวัย 3 ขวบ 2 คน อยู่ในกลุ่มผู้เสียชีวิตด้วย
ในมูซัฟฟาราบัดซึ่งเป็นเมืองหลักของแคชเมียร์ที่อยู่ภายใต้การปกครองของปากีสถาน กองกำลังได้ปิดล้อมถนนรอบๆ มัสยิดที่ถูกโจมตี โดยมีร่องรอยของการระเบิดปรากฏให้เห็นบนผนังบ้านหลายหลัง
ไม่นานหลังจากนั้น กองทัพอินเดียกล่าวหาปากีสถานว่ายิงกระสุนปืนใหญ่แบบไม่เลือกเป้าหมายข้ามเส้นควบคุม (LoC) ซึ่งเป็นพรมแดนโดยพฤตินัยในแคชเมียร์
เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นกล่าวกับเอเอฟพีจากโรงพยาบาลในเมืองว่ามีชาวอินเดียเสียชีวิตอย่างน้อย 8 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 29 คน
คาดว่าอินเดียกำลังตอบโต้ทางการทหารต่อการโจมตีนักท่องเที่ยวในพื้นที่แคชเมียร์ที่อินเดียปกครองเมื่อวันที่ 22 เมษายน โดยฝีมือของผู้ก่อเหตุที่อินเดียระบุว่าเป็นกลุ่ม Lashkar-e-Taiba ที่มีฐานอยู่ในปากีสถานและเป็นองค์กรที่สหประชาชาติประกาศให้เป็นผู้ก่อการร้าย
การโจมตีครั้งนั้นที่พาฮาลแกมซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมทำให้มีผู้เสียชีวิต 26 ราย ส่วนใหญ่เป็นชาวฮินดู
ไม่มีกลุ่มใดออกมาอ้างความรับผิดชอบ แต่รัฐบาลนิวเดลีกล่าวโทษรัฐบาลอิสลามาบัดว่าสนับสนุนการโจมตีครั้งนั้น ทำให้เกิดการคุกคามอย่างดุเดือดและมาตรการตอบโต้ทางการทูต
ปากีสถานปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวและเรียกร้องให้มีการสอบสวนโดยอิสระ
กองทัพอินเดียระบุว่าทั้งสองฝ่ายยิงกระสุนปืนข้ามพรมแดนกันทุกคืนตั้งแต่วันที่ 24 เมษายน นอกจากนี้ ปากีสถานยังกล่าวอีกว่าได้ทดสอบขีปนาวุธไปแล้ว 2 ครั้ง
ทั้งนี้ความเคลื่อนไหวของปากีสถานเกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่นายกฯอินเดียกล่าวว่าจะหยุดการไหลของแม่น้ำข้ามพรมแดนของอินเดีย ซึ่งปากีสถานเตือนว่าการยุ่งเกี่ยวกับแม่น้ำที่ไหลจากอินเดียเข้าสู่ดินแดนของตนจะถือเป็น "การก่อสงคราม"
เพื่อนบ้านในเอเชียใต้ได้ต่อสู้ในสงครามหลายครั้งนับตั้งแต่พวกเขาแยกตัวออกจากอนุทวีปอินเดียเมื่อสิ้นสุดการปกครองของอังกฤษในปี 1947
บรรดาผู้นำโลกได้กดดันทั้งอินเดียและปากีสถานให้ถอยห่างจากจุดวิกฤตของสงคราม
"โลกไม่สามารถยอมให้เกิดการเผชิญหน้าทางทหารระหว่างอินเดียและปากีสถานได้" สเตฟาน ดูจาร์ริก โฆษกของอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวในแถลงการณ์
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กล่าวกับผู้สื่อข่าวในกรุงวอชิงตันว่า เขาหวังให้การสู้รบจบลงอย่างรวดเร็ว
มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านความมั่นคงทั้งในนิวเดลีและอิสลามาบัดหลังจากการโจมตี และกล่าวว่าเขากำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
กองทัพอินเดียกล่าวว่าพวกตนได้แสดงให้เห็นถึงความยับยั้งชั่งใจอย่างมากในการเลือกเป้าหมายและวิธีการดำเนินการ ทำให้ไม่มีฐานทัพทหารปากีสถานใดถูกโจมตี
นายกรัฐมนตรีเชห์บาซ ชารีฟ ของปากีสถาน เรียกการโจมตีของอินเดียว่า "ยั่วยุและขี้ขลาด" และกล่าวว่า "การรุกรานที่โหดร้ายนี้จะไม่รอดพ้นการลงโทษ"
กลุ่มกบฏในแคชเมียร์ที่อินเดียปกครองได้ก่อการร้ายมาตั้งแต่ปี 1989 เพื่อแสวงหาเอกราชหรือผนวกเข้ากับปากีสถาน
อินเดียมักจะกล่าวโทษเพื่อนบ้านว่าให้การสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธที่ต่อสู้กับกองกำลังของตนในแคชเมียร์ ซึ่งรัฐบาลอิสลามาบัดปฏิเสธข้อกล่าวหามาตลอด
อับบาส อาราฆชี รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านคาดว่าจะเดินทางถึงกรุงนิวเดลีในวันพุธนี้ สองวันหลังจากเยือนอิสลามาบัด โดยรัฐบาลเตหะรานต้องการไกล่เกลี่ยให้กับทั้งสองฝ่าย
สถานการณ์ล่าสุด อินเดียจัดการซ้อมป้องกันพลเรือนหลายครั้งในวันพุธ ขณะที่โรงเรียนในแคว้นปัญจาบและแคชเมียร์ของปากีสถานปิดทำการ.


