สหรัฐฯ-จีน เห็นพ้องลดภาษีศุลกากรเพื่อบรรเทาความตึงเครียดจากสงครามการค้า

สหรัฐฯ-จีนได้ประกาศข้อตกลงที่จะระงับความขัดแย้งด้วยการลดภาษีศุลกากรตอบโต้ระหว่างกันเป็นเวลา 90 วัน เพื่อบรรเทาความตึงเครียดจากสงครามการค้าที่ส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินและทำให้เกิดความกังวลว่าเศรษฐกิจโลกจะถดถอย

สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ (ขวา) และเจมีสัน กรีเออร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯจัดงานแถลงข่าวที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม เพื่อให้รายละเอียดเกี่ยวกับความคืบหน้าสำคัญจากการหารือข้อตกลงการค้ากับจีน (Photo by Fabrice COFFRINI / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันจันทร์ที่ 12 พฤษภาคม 2568 กล่าวว่า การเจรจาข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนได้ข้อสรุปแล้ว เมื่อทั้งสองฝ่ายยอมถอยการเรียกเก็บภาษีศุลกากรอัตราสูงระหว่างกัน

สองมหาอำนาจทางเศรษฐกิจประกาศข้อตกลงที่จะระงับการเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้เต็มรูปแบบเป็นเวลา 90 วัน เพื่อลดความตึงเครียดจากสงครามการค้าที่ส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินและทำให้เกิดความกังวลว่าเศรษฐกิจโลกจะถดถอย

หลังจากการเจรจากันครั้งแรกนับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เปิดฉากสงครามการค้า ตัวเแทนเจรจาจากสหรัฐและจีนเห็นพ้องในแถลงการณ์ร่วมกันที่จะลดอัตราภาษีศุลกากรจากตัวเลขสามหลักลงเหลือสองหลักและดำเนินการเจรจากันต่อไป

สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กล่าวถึงการเจรจากับเหอ หลี่เฟิง รองนายกรัฐมนตรีจีนและหลี่ เฉิงกัง ผู้แทนการค้าจีนเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่าเป็นการเจรจาที่สร้างสรรค์และเข้มแข็ง

"ทั้งสองฝ่ายให้ความเคารพนับถือกันมาก" เบสเซนต์กล่าวกับผู้สื่อข่าว

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้กำหนดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนโดยรวมสูงถึง 145% เมื่อเดือนที่แล้ว เมื่อเทียบกับ 10% ที่เรียกเก็บพื้นฐานจากประเทศอื่นๆ

รัฐบาลปักกิ่งจึงกำหนดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ในอัตราสูงถึง 125% เป็นการตอบโต้

เบสเซนต์กล่าวว่าทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะลดอัตราภาษีดังกล่าวลง 115% โดยสหรัฐฯ จะเหลือเรียกเก็บภาษีศุลกากรจากจีนเป็น 30% และจีนเรียกเก็บจากสินค้าสหรัฐฯ ในอัตรา 10% ตลอดช่วงเวลา 90 วัน

ในแถลงการณ์ ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะจัดตั้งกลไกเพื่อดำเนินการหารือเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าต่อไป

ขณะที่จีนยกย่องความคืบหน้าครั้งสำคัญที่เกิดขึ้นจากการเจรจาครั้งนี้

กระทรวงพาณิชย์ของจีนกล่าวว่า "ความเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็นประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศและเป็นประโยชน์ร่วมกันของโลก" และเสริมว่า กระทรวงฯ หวังว่ารัฐบาลวอชิงตันจะทำงานร่วมกับจีนต่อไปเพื่อแก้ไขการขึ้นภาษีศุลกากรฝ่ายเดียวที่ไม่ถูกต้องอย่างสิ้นเชิง ตลอดจนสร้างความแน่นอนและเสถียรภาพให้กับเศรษฐกิจโลกมากขึ้น

รัฐบาลปักกิ่งยังกล่าวด้วยว่า "ทั้งสองฝ่ายจะหารือกันอย่างต่อเนื่องเป็นประจำหรือเป็นครั้งคราวในจีน, สหรัฐอเมริกา หรือประเทศที่สามที่ตกลงกันไว้ นอกจากนี้ ทั้งสองประเทศยังอาจจัดการเจรจาการค้าระดับปฏิบัติการ ตามความจำเป็นอีกด้วย"

ค่าเงินดอลลาร์ที่ร่วงลงหลังจากที่ทรัมป์เริ่มใช้มาตรการขึ้นภาษีศุลกากรในเดือนเมษายน ได้ฟื้นตัวขึ้นเมื่อทราบข่าวนี้ ในขณะที่ตลาดหุ้นของสหรัฐฯ ก็พุ่งสูงขึ้นเช่นกัน ซึ่งเป็นทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นยุโรปและเอเชีย

ทั้งนี้ ข้อพิพาททางการค้าระหว่างรัฐบาลวอชิงตันและปักกิ่งได้ส่งผลกระทบต่อตลาดการเงิน ทำให้เกิดความกลัวว่าภาษีศุลกากรจะจุดชนวนเงินเฟ้อและทำให้เศรษฐกิจโลกถดถอย

เอ็นโกซี โอคอนโจ-อิเวอาลา ผู้อำนวยการใหญ่องค์การการค้าโลก (WTO) กล่าวชื่นชมการเจรจาเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่าเป็นก้าวสำคัญที่เป็นลางดีสำหรับอนาคต

"ท่ามกลางความตึงเครียดทั่วโลกในปัจจุบัน ความคืบหน้าครั้งนี้มีความสำคัญไม่เพียงแต่สำหรับสหรัฐฯ และจีนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงส่วนอื่นๆ ของโลกด้วย" อิเวอาลากล่าว

ก่อนการประชุมที่บ้านพักส่วนตัวของเอกอัครราชทูตสวิตเซอร์แลนด์ประจำองค์การสหประชาชาติในเจนีวา ทรัมป์ได้ส่งสัญญาณว่าเขาอาจลดภาษี โดยแสดงความเห็นบนโซเชียลมีเดียว่า "ภาษีนำเข้าจากจีน 80% ดูเหมือนจะเหมาะสม!"

อย่างไรก็ตาม แคโรไลน์ ลีวิตต์ โฆษกทำเนียบขาวชี้แจงในภายหลังว่า สหรัฐฯ จะไม่ยอมลดภาษีโดยฝ่ายเดียว และจีนจะต้องยอมผ่อนปรนด้วย

การประชุมที่เจนีวาเกิดขึ้นไม่กี่วันหลังจากทรัมป์เปิดเผยความสำเร็จในข้อตกลงการค้ากับอังกฤษซึ่งเป็นประเทศแรกนับตั้งแต่ทรัมป์ประกาศใช้มาตรการภาษีนำเข้าทั่วโลก

เอกสารความยาว 5 หน้าที่ไม่มีผลผูกพันทางกฎหมายยืนยันว่าสหรัฐฯ ยินดีที่จะเจรจาผ่อนปรนภาษีเฉพาะภาคส่วนให้อังกฤษ ซึ่งในกรณีนี้คือรถยนต์, เหล็ก และอลูมิเนียม

ขณะที่อังกฤษตกลงที่จะเปิดตลาดรับเนื้อวัวและผลิตภัณฑ์จากฟาร์มอื่นๆ ของสหรัฐฯ เป็นการตอบแทน

ถึงกระนั้น สหรัฐฯจะยังคงเรียกเก็บภาษีสินค้าส่วนใหญ่ของอังกฤษ 10% และขู่ว่าจะคงอัตราภาษีนี้ไว้เป็นอัตราพื้นฐานสำหรับประเทศอื่นๆ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง