ไต้หวันพร้อมพูดคุยกับจีนอย่างเท่าเทียมกัน แต่จะยังคงเสริมสร้างการป้องกันดินแดนต่อไป ตามคำกล่าวของไล่ ชิงเต๋อ ในวาระครบรอบ 1 ปีการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี

ประธานาธิบดีไล่ ชิงเต๋อ ของไต้หวันกล่าวสุนทรพจน์เนื่องในโอกาสครบรอบ 1 ปีการเข้ารับตำแหน่ง ณ สำนักงานประธานาธิบดีในกรุงไทเป เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม (Photo by CHENG Yu-chen / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันอังคารที่ 20 พฤษภาคม 2568 กล่าวว่า ประธานาธิบดีไล่ ชิงเต๋อปราศัยเนื่องในวาระครบรอบ 1 ปีการดำรงตำแหน่งผู้นำไต้หวัน และยืนยันว่ารัฐบาลไทเปพร้อมเจรจากับรัฐบาลปักกิ่งอย่างเท่าเทียมเพื่อลดความตึงเครียดเรื่องอธิปไตย
ไล่ ชิงเต๋อผู้ปกป้องอธิปไตยของไต้หวันอย่างเหนียวแน่นและเป็นที่รังเกียจของจีนแผ่นดินใหญ่ ได้กล่าวถึงความจำเป็นในการเตรียมพร้อมสำหรับสงครามที่หลีกเลี่ยงมาตลอด เช่นเดียวกับการเสริมสร้างความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจของเกาะแห่งนี้
หลังจากให้คำมั่นว่าจะยืนหยัดต่อต้านจีนและปกป้องประชาธิปไตยในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง ไล่ ชิงเต๋อยืนกรานว่า ไต้หวันนั้นเต็มใจที่จะสื่อสารกับจีน หากอยู่บนพื้นฐานความเท่าเทียมและศักดิ์ศรี
ไล่กล่าวว่า "สันติภาพนั้นประเมินค่าไม่ได้และจะไม่มีผู้ชนะในสงคราม แต่เราก็ไม่สามารถเพิกเฉยได้เช่นกัน การเสริมสร้างศักยภาพการป้องกันดินแดนของเราจึงยังคงจำเป็นต้องเดินหน้าต่อไป"
"ไต้หวันจะร่วมมืออย่างแข็งขันกับพันธมิตรระหว่างประเทศในการเคียงบ่าเคียงไหล่เพื่อใช้พลังแห่งการยับยั้ง, เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสงคราม และเพื่อบรรลุเป้าหมายของสันติภาพ" ไล่กล่าวที่สำนักงานประธานาธิบดี
จีนซึ่งอ้างว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนตนและขู่ว่าจะใช้กำลังทหารเพื่อยึดคืนมา ได้จัดการซ้อมรบขนาดใหญ่หลายครั้งรอบเกาะตั้งแต่ไล่ ชิงเต๋อเข้ารับตำแหน่ง
นอกจากนี้ ไต้หวันยังเผชิญแรงกดดันจากรัฐบาลทรัมป์ให้ย้ายฐานการผลิตมายังดินแดนของสหรัฐฯ มากขึ้นเพื่อลดความไม่สมดุลทางการค้า ซึ่งไล่ ชิงเต๋อกล่าวถึงประเด็นนี้ว่า "ไต้หวันจะไม่เอาไข่ทั้งหมดใส่ไว้ในตะกร้าใบเดียว ไต้หวันจะเพิ่มความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจด้วยการกระจายตลาดและกระตุ้นอุปสงค์ในประเทศ"
เขายังประกาศแผนการจัดตั้งกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติเพื่อกระตุ้นโมเมนตัมทางเศรษฐกิจของไต้หวัน แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับขนาดของกองทุน
ประธานาธิบดีพบว่าวาระแรกของเขาในตำแหน่งสูงสุดต้องจมอยู่กับความวุ่นวายทางการเมืองในประเทศ ขณะที่พรรคฝ่ายค้านซึ่งควบคุมรัฐสภาพยายามทำให้การทำงานของเขาไม่ราบรื่น
พรรคก๊กมินตั๋ง (KMT) ซึ่งเป็นฝ่ายค้านหลัก เรียกไล่ ชิงเต๋อว่าเป็นเผด็จการและกล่าวหาว่ากำลังผลักไต้หวันให้เข้าใกล้สงครามกับจีนมากขึ้น ขณะที่พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (DPP) ของไล่ ชิงเต๋อโต้กลับว่าพรรคก๊กมินตั๋งทำตัวเป็นเครื่องมือของรัฐบาลปักกิ่งและกำลังบ่อนทำลายความมั่นคงของไต้หวัน
ความตึงเครียดทางการเมืองได้ทวีความรุนแรงขึ้นจนกลายเป็นการต่อสู้ทางกายภาพภายในรัฐสภา และผู้สนับสนุนของฝั่งรัฐบาลและฝ่ายค้านได้จัดการชุมนุมประท้วงบนท้องถนนเพื่อแสดงออกถึงจุดยืนในความเป็นอริกัน
ผู้นำไต้หวันกล่าวว่า รัฐบาลต้องการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างพรรคการเมืองต่างๆ และหน่วยงานความมั่นคงแห่งชาติของเขาจะเริ่มให้ข้อมูลสรุปความมั่นคงแห่งชาติที่สำคัญแก่ฝ่ายค้าน
ไล่กล่าวว่า "จากข้อเท็จจริงเดียวกันนี้ เราสามารถแลกเปลี่ยนมุมมองอย่างตรงไปตรงมาและจริงใจ, หารือเรื่องกิจการของประเทศ และทำงานร่วมกันเพื่อเผชิญกับความท้าทายของประเทศ"
นักวิเคราะห์กล่าวว่าคำพูดของไล่มีความยับยั้งชั่งใจมากกว่าในสุนทรพจน์ครั้งก่อนๆ ซึ่งทำให้รัฐบาลปักกิ่งเดือดดาล
"เขากำลังลดระดับการส่งข้อความและปกปิดไต้หวันมากขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกจับจ้องท่ามกลางความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์นี้" เหวิน-ตี้ ซุง นักวิจัยประจำ Global China Hub ของ Atlantic Council กล่าวกับเอเอฟพี
จากผลการสำรวจของ Taiwanese Public Opinion Foundation เมื่อเดือนเมษายน พบว่าคะแนนนิยมของไล่ ชิงเต๋อลดลงเหลือ 45.9% จากที่เคยได้ 58% เมื่อปีที่แล้ว
ขณะที่คะแนนความไม่พอใจต่อตัวเขาเพิ่มขึ้นเป็น 45.7% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี โดยกลุ่มสำรวจความคิดเห็นเชื่อมโยงเรื่องนี้กับการจัดการภาษีของสหรัฐฯ ต่อไต้หวันและแคมเปญถอดถอนที่ไม่เคยมีมาก่อนของพรรครัฐบาลซึ่งมุ่งเป้าไปที่ฝ่ายค้าน
ผู้สนับสนุนพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้ากำลังพยายามโค่นล้มสมาชิกรัฐสภาก๊กมินตั๋งประมาณ 30 คนโดยใช้กระบวนการทางกฎหมายที่ให้สมาชิกรัฐสภาสามารถถูกปลดออกจากตำแหน่งได้ก่อนสิ้นวาระ โดยหวังได้ 6 ที่นั่งคืนมาสำหรับการยึดเสียงข้างมากในรัฐสภา
การรณรงค์เพื่อโค่นล้มสมาชิกพรรคก๊กมินตั๋งจำนวน 15 คนถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก หลังจากเจ้าหน้าที่ของพรรคก๊กมินตั๋งถูกกล่าวหาว่าปลอมแปลงลายเซ็นของผู้เสียชีวิต.


