มาครงเยือนอินโดนีเซีย กระชับสัมพันธ์ด้านการค้าและความมั่นคง

เอมมานูเอล มาครงหารือประธานาธิบดีอินโดนีเซียเพื่อกระชับความสัมพันธ์ด้านการค้าและการป้องกันประเทศ ในระหว่างการเยือน 3 ชาติอาเซียนเพื่อส่งเสริมฝรั่งเศสในฐานะประเทศที่สร้างสมดุลระหว่างสหรัฐฯ และจีน

ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส (ซ้าย) และประธานาธิบดีปราโบโว ซูเบียนโต ของอินโดนีเซีย กอดกันระหว่างแถลงข่าวที่พระราชวังเมอร์เดกาในกรุงจาการ์ตา เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม (Photo by Ludovic MARIN / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพุธที่ 28 พฤษภาคม 2568 กล่าวว่า ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศสซึ่งอยู่ระหว่างการเยือน 3 ชาติอาเซียน เดินทางถึงอินโดนีเซียเป็นปลายทางที่สองต่อจากเวียดนาม

เขาได้พบกับประธานาธิบดีปราโบโว ซูเบียนโตที่ทำเนียบในกรุงจาการ์ตา โดยยกย่องความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างทั้งสองประเทศ หลังจากได้รับการต้อนรับด้วยกองเกียรติยศ, การยิงสลุต และชาวอินโดนีเซียหลายพันคนที่โบกธงชาติฝรั่งเศส

"ความร่วมมือของเราในทุกด้าน ทั้งการป้องกันประเทศและความมั่นคง, เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมนั้นแข็งแกร่งอยู่แล้ว แต่เรากำลังเสริมสร้างมันให้แข็งแกร่งขึ้น"

"ผมคิดว่านี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการจัดการความสัมพันธ์ในช่วงเวลาที่ท้าทาย ดังนั้นขอขอบคุณมากสำหรับการสนับสนุน, มิตรภาพ และความผูกพันพิเศษที่คุณมีต่อฝรั่งเศส" มาครงกล่าวกับซูเบียนโตซึ่งตอบขอบคุณ

ฝรั่งเศสต้องการกระชับความสัมพันธ์ทั้งด้านการค้าและความมั่นคงกับประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้ มาครงจึงมีกำหนดพบปะกับนักลงทุนและนักศึกษาเช่นกัน

ในแถลงการณ์ร่วม ฝรั่งเศสและอินโดนีเซียเรียกร้องให้มีความก้าวหน้าในเรื่องการยอมรับซึ่งกันและกันระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์

ผู้นำอินโดนีเซียกล่าวว่าจะให้การยอมรับอิสราเอลหากอิสราเอลสามารถจัดตั้งรัฐปาเลสไตน์ได้ โดยปัจจุบันอินโดนีเซียไม่มีความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการกับอิสราเอล และประเทศแห่งนี้ก็สนับสนุนปาเลสไตน์อย่างมาก

"อินโดนีเซียมองว่าแนวทางสองรัฐและเสรีภาพของปาเลสไตน์เป็นหนทางเดียวที่จะบรรลุสันติภาพที่แท้จริง"

"เราต้องยอมรับและรับประกันสิทธิของอิสราเอลในฐานะประเทศที่มีอำนาจอธิปไตย ซึ่งต้องได้รับการเอาใจใส่และรับประกันความปลอดภัย และเมื่ออิสราเอลให้การยอมรับปาเลสไตน์ อินโดนีเซียก็พร้อมที่จะให้การยอมรับอิสราเอลและเปิดความสัมพันธ์ทางการทูต" ซูเบียนโตกล่าว

ทั้งสองชาติประณามแผนการของอิสราเอลที่จะเข้ายึดครองฉนวนกาซาและการเคลื่อนไหวใดๆ ที่จะขับไล่ชาวปาเลสไตน์ออกจากบ้านเกิดโดยใช้กำลัง

พวกเขายังเรียกร้องให้ฟื้นฟูโอกาสทางการเมืองของแนวทางสองรัฐในการประชุมที่ฝรั่งเศสจะเป็นประธานร่วมกับซาอุดีอาระเบียที่สำนักงานใหญ่ของสหประชาชาติในเดือนหน้า และแสดงความหวังว่าจะบรรลุแนวทางที่น่าเชื่อถือ

พวกเขาเห็นพ้องว่าการประชุมดังกล่าวควรเปิดทางไปสู่การสร้างรัฐปาเลสไตน์ที่ไม่อาจย้อนกลับได้ ตลอดจนการยอมรับซึ่งกันและกันระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์

ในวันพฤหัสบดี เขาจะเดินทางไปยังยอกยาการ์ตาบนเกาะชวาของอินโดนีเซีย เพื่อเยี่ยมชมวัดพุทธที่ใหญ่ที่สุดในโลก ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังสิงคโปร์เพื่อปิดฉากการเยือน 6 ​​วันของเขา

สจาฟรี ชัมโซดดิน รัฐมนตรีกลาโหมอินโดนีเซียกล่าวหลังจากต้อนรับมาครงว่า ทั้งสองประเทศจะเสริมสร้างความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ในภาคส่วนการป้องกันประเทศ โดยการลงนามในเอกสารแสดงเจตจำนงเกี่ยวกับอุปกรณ์ป้องกันประเทศ

จากการที่โดนัลด์ ทรัมป์ขึ้นภาษีสินค้าและเผชิญหน้าทางเศรษฐกิจกับจีน ทำให้มาครงพยายามเปลี่ยนจุดยืนของฝรั่งเศสให้เป็นทางสายที่สาม โดยเฉพาะด้านการป้องกันประเทศ, พลังงาน และแร่ธาตุที่สำคัญ

เขาระบุว่าเขาจะพยายามดึงประเทศที่มีประชากรมุสลิมมากที่สุดในโลกให้เข้าร่วมด้วย และจะผลักดันให้มีแนวทางสองรัฐสำหรับความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ที่กินเวลานานหลายทศวรรษในการประชุมสหประชาชาติเดือนมิถุนายน

ที่ปรึกษาคนหนึ่งของมาครงกล่าวกับผู้สื่อข่าวก่อนการเดินทางว่า "แน่นอนว่าคำถามเรื่องการยอมรับอิสราเอลเป็นประเด็นสำคัญ เราเข้าใจดีถึงความอ่อนไหวของชุมชนมุสลิมในภูมิภาค เกี่ยวกับสถานการณ์ในฉนวนกาซา"

มาครงต้องการแสดงให้เห็นว่าเขามุ่งมั่นเป็นพิเศษในการบรรลุสันติภาพตะวันออกกลาง เช่นเดียวกับความพยายามในการแก้ไขสงครามยูเครน

ก่อนหน้านี้ในเวียดนาม มาครงได้นำเสนอฝรั่งเศสในฐานะ "พลังแห่งสันติภาพและความสมดุล" ที่มุ่งมั่นต่อระเบียบระหว่างประเทศบนพื้นฐานของกฎหมาย

สิ่งนี้ถูกมองว่าเป็นข้อความถึงรัฐบาลปักกิ่งซึ่งเริ่มแสดงจุดยืนชัดเจนมากขึ้นในการอ้างสิทธิ์เหนือดินแดนในทะเลจีนใต้ และถึงรัฐบาลวอชิงตันเกี่ยวกับภัยคุกคามของทรัมป์ด้านนโยบายภาษีที่ปั่นป่วนทั่วโลก

มาครงเตือนว่า การสร้างความไม่แน่นอนอย่างต่อเนื่องด้วยนโยบายการค้านั้น เป็นการขัดขวางการลงทุนและเศรษฐกิจ

คำกล่าวของเขาเกิดขึ้นในขณะที่สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ซึ่งอินโดนีเซียเป็นสมาชิก กล่าวในการประชุมสุดยอดที่ประเทศมาเลเซียว่าจะเร่งดำเนินการเพื่อกระจายเครือข่ายการค้าให้หลากหลายยิ่งขึ้นเมื่อเผชิญกับภาษีของทรัมป์

ดังนั้น มาครงจึงกำลังมองหาชัยชนะทางเศรษฐกิจในหมู่เกาะเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีประชากรราว 281 ล้านคนแห่งนี้

เปาโล คาสเตลลารี ซีอีโอคนใหม่ของ 'Eramet' บริษัทเหมืองแร่ยักษ์ใหญ่ของฝรั่งเศส จะเข้าร่วมคณะผู้แทนเพื่อพยายามโน้มน้าวให้รัฐบาลจาการ์ตาเพิ่มการผลิตที่เหมืองนิกเกิลที่ใหญ่ที่สุดในโลกในอินโดนีเซียตะวันออก

รัฐบาลปารีสยังตั้งใจที่จะยกระดับความร่วมมือด้านอาวุธกับผู้นำอินโดนีเซียซึ่งเคยเป็นรัฐมนตรีกลาโหมและนายพลทหารมาก่อน

แม้ว่าก่อนหน้านี้รัฐบาลจาการ์ตาเคยจัดซื้อเครื่องบินขับไล่จากรัสเซียมาตลอด แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้เปลี่ยนมาซื้อเครื่องบินราฟาเลสจากบริษัท 'Dassault Aviation' ของฝรั่งเศส และพร้อมดีลครั้งใหญ่ในการเจรจากับคณะผู้แทน.

เพิ่มเพื่อน