ทรัมป์ออกคำสั่งห้ามพลเมือง 12 ประเทศเดินทางเข้าสหรัฐอเมริกา

โดนัลด์ ทรัมป์ลงนามคำสั่งห้ามพลเมือง 12 ประเทศเดินทางเข้าสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นการฟื้นมาตรการที่เคยก่อให้เกิดความขัดแย้งมากที่สุดในสมัยแรกของการเป็นผู้นำ

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ (Photo by ROBERTO SCHMIDT / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 5 มิถุนายน 2568 กล่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารชุดใหม่ที่ระบุห้ามการเดินทางเข้ามายังดินแดนสหรัฐอเมริกาของพลเรือนจาก 12 ประเทศ

ทรัมป์ระบุว่ามาตรการดังกล่าวได้รับแรงผลักดันจากการโจมตีด้วยเครื่องพ่นไฟต่อการประท้วงของชาวยิวในโคโลราโด ซึ่งทางการสหรัฐฯ กล่าวหาว่าเป็นฝีมือของชายคนหนึ่งที่อาจลักลอบเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย

คำสั่งดังกล่าวห้ามไม่ให้พลเมืองของอัฟกานิสถาน, เมียนมา, ชาด, คองโก, อิเควทอเรียลกินี, เอริเทรีย, เฮติ, อิหร่าน, ลิเบีย, โซมาเลีย, ซูดาน และเยเมน เดินทางเข้าสหรัฐฯ

ทรัมป์ยังสั่งห้ามนักท่องเที่ยวจาก 7 ประเทศ ได้แก่ บุรุนดี, คิวบา, ลาว, เซียร์ราลีโอน, โตโก, เติร์กเมนิสถาน และเวเนซุเอลาบางส่วน โดยอนุญาตให้มีวีซ่าทำงานชั่วคราวบางประเภทจากประเทศเหล่านี้

ทั้งนี้ คำสั่งดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 มิถุนายนนี้ ตามแถลงการณ์ของทำเนียบขาว

"การโจมตีด้วยการก่อการร้ายที่โบลเดอร์ รัฐโคโลราโด เมื่อไม่นานนี้ เน้นย้ำถึงอันตรายร้ายแรงที่พลเมืองต่างชาติที่ไม่ได้รับการตรวจสอบอย่างเหมาะสมอาจก่อขึ้นในประเทศของเรา" ทรัมป์กล่าว และย้ำว่า "เราไม่ต้องการพวกเขา"

อย่างไรก็ตาม คำสั่งห้ามดังกล่าวจะไม่ถูกบังคับใช้กับนักกีฬาที่เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 2026 ซึ่งสหรัฐอเมริกาเป็นเจ้าภาพร่วมกับแคนาดาและเม็กซิโก รวมถึงโอลิมปิกที่ลอสแองเจลิสในปี 2028

นอกจากนี้ ทรัมป์ยังได้ประกาศห้ามออกวีซ่าให้กับนักศึกษาต่างชาติที่เตรียมเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ซึ่งเป็นการยกระดับการปราบปรามสิ่งที่เขามองว่าเป็นปราการของลัทธิเสรีนิยม

ผู้นำสหรัฐฯ เปรียบเทียบมาตรการใหม่นี้กับคำสั่งห้ามอันทรงพลังที่เขาใช้กับประเทศมุสลิมจำนวนหนึ่งในช่วงดำรงตำแหน่งวาระแรก ซึ่งทำให้การเดินทางทั่วโลกหยุดชะงัก

ทรัมป์กล่าวว่าคำสั่งห้ามในปี 2017 ทำให้สหรัฐฯ หยุดยั้งการก่อการร้ายที่เกิดขึ้นในยุโรปได้

"เราจะไม่ยอมให้เหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในยุโรป เกิดขึ้นในอเมริกา"

"เราไม่สามารถยอมรับการอพยพระหว่างประเทศอย่างเปิดเผยได้หากเราไม่สามารถตรวจสอบและคัดกรองได้อย่างปลอดภัยและเชื่อถือได้" ทรัมป์กล่าว

ประเทศที่ได้รับผลกระทบอย่างเวเนซุเอลาตอบโต้ด้วยการเตือนว่าสหรัฐฯ เองก็เป็นจุดหมายปลายทางที่อันตรายเช่นกัน

รัฐมนตรีมหาดไทยเวเนซุเอลากล่าวหลังการประกาศของทรัมป์โดยเตือนประชาชนไม่ให้เดินทางไปที่นั่นว่า "การอยู่ในสหรัฐอเมริกามีความเสี่ยงอย่างมากสำหรับทุกคน ไม่ใช่แค่ชาวเวเนซุเอลาเท่านั้น"

อย่างไรก็ตาม คำสั่งห้ามชุดใหม่ของทรัมป์อาจเผชิญกับการท้าทายทางกฎหมาย เช่นเดียวกับมาตรการรุนแรงหลายอย่างที่เขาใช้ในช่วงที่กลับมาดำรงตำแหน่ง

ทำเนียบขาวเปิดเผยคำสั่งห้ามชุดใหม่โดยแทบไม่มีการเตือนล่วงหน้า และทรัมป์ยังประกาศคำสั่งดังกล่าวโดยไม่มีผู้สื่อข่าวอยู่ด้วย ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ไม่ปกติเพราะเขามักประกาศนโยบายสำคัญที่เป็นกระแสผ่านพิธีลงนามที่ห้องทำงานรูปไข่

คำประกาศของทรัมป์ให้เหตุผลเฉพาะเจาะจงสำหรับแต่ละประเทศในคำสั่งซึ่งระบุว่ามีจุดมุ่งหมายเพื่อปกป้องสหรัฐฯ จาก "ผู้ก่อการร้ายต่างชาติและภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ"

ที่น่าสังเกตคือ อียิปต์ไม่อยู่ในรายชื่อประเทศที่เผชิญกับข้อจำกัดการเดินทางนี้

สำหรับอัฟกานิสถานที่ปกครองโดยกลุ่มตอลิบัน, ลิเบีย, ซูดาน, โซมาเลีย และเยเมนซึ่งกำลังเผชิญกับสงคราม ทางการระบุว่าประเทศเหล่านี้ขาดหน่วยงานกลางที่มีความสามารถในการดำเนินการเรื่องหนังสือเดินทางและการตรวจสอบ

อิหร่านซึ่งสหรัฐกำลังเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์อยู่ด้วยนั้น รวมอยู่ในคำสั่งด้วย โดยถูกระบุว่าเป็น "รัฐที่สนับสนุนการก่อการร้าย"

สำหรับประเทศอื่นๆ ส่วนใหญ่ คำสั่งของทรัมป์ระบุถึงความเป็นไปได้ที่ผู้คนจะอยู่เกินวีซ่าของตนมากกว่าค่าเฉลี่ย.

เพิ่มเพื่อน