สีจิ้นผิงเยือนคาซัคสถาน ร่วมประชุมสุดยอดเอเชียกลาง

ประธานาธิบดีจีนเดินทางเยือนคาซัคสถานเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดกับผู้นำเอเชียกลาง ซึ่งปักกิ่งหวังว่าจะช่วยขยายอิทธิพลในภูมิภาคที่อุดมด้วยทรัพยากรแห่งนี้

ประธานาธิบดีคาซึม-โยมาร์ต โตคาเยฟ ของคาซัคสถาน (ขวา) และประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ของจีน ถ่ายรูประหว่างการพบปะกันในกรุงอัสตานา เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน (Photo by STRINGER / KAZAKHSTAN'S PRESIDENTIAL PRESS SERVICE / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันอังคารที่ 17 มิถุนายน 2568 กล่าวว่า ในขณะที่ผู้นำโลกกำลังประชุมจี7 ที่แคนาดา ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ของจีนได้เดินทางไปยังคาซัคสถาน เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดกับกลุ่มผู้นำเอเชียกลาง ภายใต้เป้าหมายของการขยายอิทธิพลในภูมิภาคที่อุดมด้วยทรัพยากรแห่งนี้

การประชุมดังกล่าวที่กรุงอัสตานา เมืองหลวงของคาซัคสถาน เกิดขึ้นในขณะที่อิทธิพลของรัสเซียที่มีต่อเอเชียกลางเริ่มลดลง และในขณะที่จีนพยายามเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการค้าและเศรษฐกิจ

ภาพจากสถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีของรัฐบาลจีน แสดงให้เห็นเครื่องบินของประธานาธิบดีสีจิ้นผิงร่อนลงมาบนรันเวย์ที่อาบแสงแดดจ้า และเขาได้รับการต้อนรับอย่างดีโดยมีทหารในชุดเครื่องแบบสีขาวและสีน้ำเงินอยู่เคียงข้าง

ประธานาธิบดีคาซึม-โยมาร์ต โตคาเยฟ ของคาซัคสถานเข้าพบสีจิ้นผิงทันทีที่เขาเดินทางมาถึง และทั้งสองได้หารือกัน โดยผู้นำจีนให้คำมั่นว่าจะยกระดับความร่วมมือทวิภาคี

การเดินทางเยือนต่างประเทศครั้งนี้เป็นครั้งที่สามของสีจิ้นผิงในปีนี้ ต่อจากทริปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และรัสเซีย

จีนกำลังแข่งขันกับรัสเซียซึ่งเคยเป็นอดีตมหาอำนาจอาณานิคมในเอเชียกลาง เพื่อสร้างอิทธิพลในภูมิภาคอันกว้างใหญ่ที่มีขนาดเกือบเท่ากับสหภาพยุโรป แต่มีประชากรรวมเพียง 80 ล้านคน

เอเชียกลางเป็นเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญสำหรับจีนในโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง ซึ่งใช้การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานจำนวนมหาศาลเป็นแรงผลักดันทางการเมืองและการทูต

โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนกล่าวว่า การเยือนของประธานาธิบดีสีจิ้นผิงจะช่วยเปิดพื้นที่มากขึ้นสำหรับโครงการก่อสร้างหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง

ภูมิภาคนี้ยังอุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ และการลงทุนของจีนอาจอำนวยความสะดวกในการค้ากับยุโรป

ปัจจุบันสาธารณรัฐเอเชียกลางทั้งห้าแห่งพยายามลดการพึ่งพารัสเซีย และเพิ่มความร่วมมือกับประเทศอื่นๆ

ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเปลี่ยนทิศทางเร็วขึ้นนับตั้งแต่รัสเซียรุกรานยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ 2022.