ทรัมป์พบปะพันธมิตรนาโต พร้อมเขย่าการประชุมสุดยอดกรณีใช้จ่ายงบประมาณ

โดนัลด์ ทรัมป์ประสบความสำเร็จในการประชุมสุดยอดนาโตที่กรุงเฮก โดยพันธมิตรต่างหวังว่าคำมั่นสัญญาที่จะเพิ่มการใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศจะทำให้ผู้นำสหรัฐฯไม่ถอนตัวจากองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ

บรรดาผู้นำจากประเทศสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ถ่ายรูปร่วมกับสมเด็จพระราชาธิบดี วิลเลม อเล็กซานเดอร์ แห่งเนเธอร์แลนด์ (กลาง-ซ้าย) และสมเด็จพระราชินีมักซิมา (กลาง-ขวา) ขณะเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำเพื่อสังสรรค์ที่พระราชวัง 'Huis ten Bosch' ระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำที่กรุงเฮก เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน (Photo by Haiyun Jiang / POOL / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพุธที่ 25 มิถุนายน 2568 กล่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เดินทางมายังกรุงเฮก เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดนาโตกับผู้นำจากสมาชิกอีก 31 ประเทศ

กำหนดการประชุม 2 วันเริ่มต้นด้วยงานเลี้ยงอาหารค่ำที่จัดขึ้นโดยสมเด็จพระราชาธิบดี วิลเลม อเล็กซานเดอร์แห่งเนเธอร์แลนด์ ในห้องโถงออเรนจ์อันวิจิตรงดงามที่พระตำหนักของพระองค์

กลุ่มพันธมิตรหวังที่จะรักษาคำมั่นสัญญาร่วมกับทรัมป์ด้วยการสนองความต้องการของเขาในการกำหนดตัวเลขการใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศเป็น 5% ของจีดีพีแต่ละชาติสมาชิก

แต่ทรัมป์ปฏิเสธที่จะบอกว่าเขาให้คำมั่นสัญญาต่อมาตรา 5 ของนาโตและการปกป้องยุโรป ในความคิดเห็นที่น่าจะสร้างความหวั่นไหวให้กับสถานการณ์โลก

"ขึ้นอยู่กับคำจำกัดความของแต่ละผู้นำ เพราะมาตรา 5 มีคำจำกัดความมากมาย แต่อย่างไรก็ตาม ผมก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะเป็นเพื่อนกับพวกเขา" ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวบนเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวัน

เพื่อให้ทรัมป์ยังคงอยู่กับองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ต่อไป ประเทศสมาชิกทั้งหมดได้หารือข้อตกลงประนีประนอมเพื่ออุทิศงบประมาณ 3.5% ให้กับความต้องการทางทหารหลักภายในปี 2035 และ 1.5% ให้กับด้านความมั่นคงที่กว้างขึ้น เช่น ความมั่นคงทางไซเบอร์และโครงสร้างพื้นฐาน

นาโตระบุว่าการเพิ่มกำลังทหารเป็นสิ่งสำคัญในการยับยั้งรัสเซียซึ่งหน่วยข่าวกรองเตือนว่ากำลังทหารที่สูญเสียไปจากสงครามในยูเครนกำลังฟื้นตัวอย่างรวดเร็วและอาจพร้อมที่จะโจมตีพันธมิตรในอีก 5 ปีข้างหน้า

และอีกประการหนึ่งที่มีความสำคัญพอๆ กันคือการทำให้ทรัมป์ยังคงมีส่วนร่วมต่อไป เนื่องจากรัฐบาลวอชิงตันเคยเปรยว่าอาจย้ายกำลังทหารจากยุโรปไปรับมือกับภัยคุกคามจากจีน

ทรัมป์กล่าวว่า "พวกเขาจะเพิ่มกำลังทหารเป็น 5% ซึ่งนั่นถือว่าดี เพราะจะทำให้พวกเขามีอำนาจมากขึ้น"

แม้คำสัญญาว่าจะเพิ่มการใช้จ่ายอาจชนะใจทรัมป์ได้ แต่ยังคงมีความขัดแย้งกันอย่างรุนแรงเกี่ยวกับแนวทางในการจัดการกับปัญหาความมั่นคงที่สำคัญของยุโรป นั่นคือการทำสงครามของรัสเซีย

ทรัมป์กล่าวว่าเขาอาจจะพบกับประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครนในกรุงเฮก ซึ่งรัฐบาลเคียฟเองก็หวังว่าการพบปะกันครั้งนี้จะช่วยลบเลือนการทะเลาะเบาะแว้งที่โด่งดังระหว่างทั้งสองผู้นำได้

เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปกล่าวว่า คำมั่นสัญญาเรื่องการใช้จ่าย "ครั้งประวัติศาสตร์" ของนาโตแสดงให้เห็นว่าในที่สุดยุโรปก็ตื่นตัวด้านการป้องกันประเทศแล้ว

ในขณะเดียวกัน ผู้นำกลุ่มพันธมิตรซึ่งหลายคนกำลังดิ้นรนหางบอย่างทุลักทุเล ก็เรียงหน้าตอกย้ำว่าภัยคุกคามที่ทวีปยุโรปต้องเผชิญนั้นจำเป็นต้องเริ่มด้วยขั้นตอนที่กล้าหาญ

นายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ ของอังกฤษกล่าวว่า "เราต้องเดินหน้าในยุคแห่งความไม่แน่นอนอย่างรุนแรงนี้ด้วยความคล่องตัว" พร้อมประกาศความมุ่งมั่นของสหราชอาณาจักรในการบรรลุเป้าหมายดังกล่าว

เยอรมนีซึ่งเป็นประเทศมหาอำนาจเช่นกัน ได้ประกาศแผนการที่จะบรรลุเป้าหมายด้านการป้องกันประเทศพื้นฐานที่ 3.5% ภายในปี 2029 ซึ่งเร็วกว่ากรอบเวลาที่กำหนดไว้ถึง 6 ปี

ในอีกด้านหนึ่ง นายกรัฐมนตรีเปโดร ซานเชซ ของสเปนเสี่ยงที่จะทำให้ทรัมป์โกรธด้วยการยืนกรานว่าประเทศของเขาไม่จำเป็นต้องบรรลุเป้าหมาย 5%

นับตั้งแต่ทรัมป์กลับมามีอำนาจอีกครั้ง เขาได้พลิกโฉมแนวทางของชาติตะวันตกต่อความขัดแย้งที่ดำเนินมานาน 3 ปี ด้วยการหันหลังให้กับยูเครนและเปิดประตูความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับรัสเซียมากขึ้น

เซเลนสกีถูกกำหนดให้มีบทบาทสำคัญน้อยลงกว่าในการประชุมนาโตก่อนหน้านี้ และจะไม่เข้าร่วมการประชุมหลัก แม้ถูกเชิญให้มีส่วนร่วมก็ตาม

แต่ประธานาธิบดีของยูเครนกล่าวว่าเขาจะหารือกับทรัมป์เกี่ยวกับการซื้อชุดอาวุธที่ประกอบด้วยระบบป้องกันภัยทางอากาศเป็นหลัก

นอกจากนี้ เขายังเตรียมกดดันทรัมป์ให้กำหนดมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียครั้งใหม่ เนื่องจากรัฐบาลมอสโกได้ขัดขวางความพยายามในการสร้างสันติภาพที่รัฐบาลวอชิงตันเองเป็นคนกลางในการผลักดันอยู่

"ไม่มีสัญญาณใดๆ ที่บ่งชี้ว่าปูตินต้องการยุติสงครามนี้ รัสเซียปฏิเสธข้อเสนอสันติภาพทั้งหมดรวมถึงข้อเสนอจากสหรัฐฯ เพราะปูตินคิดถึงแต่เรื่องสงครามเท่านั้น" ผู้นำยูเครนกล่าวในฟอรัมกลาโหมที่จัดขึ้นพร้อมกับการประชุมสุดยอดครั้งนี้

มาร์ก รุตต์ เลขาธิการนาโตกล่าวว่า พันธมิตรจะส่งสารสำคัญต่อการสนับสนุนยูเครน ซึ่งจะคงอยู่และไม่เปลี่ยนแปลง

แม้เขายืนกรานว่าการเสนอตัวเป็นสมาชิกของยูเครนยังคงอยู่ในกระบวนการ แต่นาโตจะหลีกเลี่ยงการกล่าวถึงการผลักดันยูเครนเนื่องจากทรัมป์ยังไม่ตอบรับ.

เพิ่มเพื่อน