ทรัมป์อ้างชัยชนะที่ได้จากการประชุมนาโต เมื่อชาติสมาชิกยอมเพิ่มงบมหาศาลเสริมความมั่นคง

ประเทศสมาชิกนาโตเห็นพ้องเพิ่มค่าใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศอย่างมหาศาลเพื่อตอบสนองความต้องการของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งยกย่องว่าเป็นชัยชนะครั้งสำคัญสำหรับอเมริกา

ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน (ซ้าย) พบกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ นอกรอบการประชุมสุดยอดองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (NATO) ที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน (Photo by Handout / UKRAINIAN PRESIDENTIAL PRESS SERVICE / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 26 มิถุนายน 2568 กล่าวว่า ที่การประชุมสุดยอดในกรุงเฮก ประเทศสมาชิกองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต - NATO) เห็นพ้องที่จะเพิ่มงบประมาณใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศให้มากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่ขู่จะถอนตัว

ทรัมป์แสดงความยินดีหลังจากที่ 32 ชาติสมาชิกนาโตตกลงที่จะกำหนดเป้าหมายหลักของการใช้จ่ายด้านความมั่นคงไว้ที่ 5% ของจีดีพีแต่ละประเทศ หลังจากการเจรจาสองวันในเนเธอร์แลนด์

ทรัมป์ยกย่องผลลัพธ์อันยอดเยี่ยมที่ไม่มีใครคิดว่าจะเป็นไปได้ และเคลมว่าการได้มาซึ่งการเพิ่มงบประมาณด้านความมั่นคงเป็น "ชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่สำหรับสหรัฐอเมริกา"

ทรัมป์ยังลงนามในคำประกาศสุดท้ายที่ยืนยันความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ต่อคำมั่นสัญญาการป้องกันร่วมกันของนาโตที่ระบุว่าการโจมตีประเทศสมาชิกใดประเทศหนึ่งเท่ากับการโจมตีทุกประเทศ ซึ่งถือเป็นการเคลื่อนไหวที่สร้างความมั่นใจให้กับประเทศในยุโรปที่กังวลเกี่ยวกับรัสเซีย

ผู้นำสหรัฐฯ ขู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่ารัฐบาลวอชิงตันอาจระงับการคุ้มครองประเทศในยุโรปที่ไม่เต็มใจจะใช้จ่ายด้านการป้องกันมากขึ้น

การประนีประนอมที่นาโตวางแผนไว้ทำให้ประเทศต่างๆ สัญญาว่าจะอุทิศงบ 3.5% ของจีดีพี ให้กับการใช้จ่ายด้านการทหารหลักภายในปี 2035 และอีก 1.5% ให้กับด้านความมั่นคงที่กว้างขึ้น เช่น โครงสร้างพื้นฐาน

ถึงกระนั้น สเปนปฏิเสธที่จะตกลงตามข้อสรุปดังกล่าวแม้ได้ลงนามในคำมั่นสัญญา โดยระบุว่าประเทศของตนสามารถตอบสนองความต้องการของนาโตได้ด้วยการใช้จ่ายน้อยลง ส่งผลให้ทรัมป์ขู่ว่าจะตอบโต้ด้วยการใช้มาตรการทางการค้า

ทั้งนี้ คำมั่นสัญญาที่ลงนามในกรุงเฮกทำให้ทรัมป์สามารถอ้างชัยชนะได้ ในขณะเดียวกันก็ให้โอกาสแก่รัฐบาลที่ขัดสนเงินสดในยุโรป

ทุกอย่างได้รับการวางแผนอย่างดีในการประชุมเพื่อให้ประธานาธิบดีอารมณ์ร้อนของสหรัฐมาเข้าร่วม ตั้งแต่การลดส่วนการประชุมอย่างเป็นทางการ ไปจนถึงการส่งเขาไปพักค้างคืนที่พระราชวัง

การรุกรานยูเครนของรัสเซียเป็นปัจจัยสำคัญในการหารือเรื่องการป้องกันประเทศ โดยคำแถลงสุดท้ายของการประชุมสุดยอดดังกล่าวอ้างถึง "ภัยคุกคามระยะยาวโดยรัสเซียที่มีต่อความมั่นคงของยูโร-แอตแลนติก"

แม้ว่าภาษาที่ใช้จะเจือจางลงจากปีก่อนๆ แต่คำประกาศดังกล่าวยังระบุด้วยว่าพันธมิตรจะยังคงสนับสนุนยูเครนต่อไป โดยกำหนดว่าความมั่นคงของยูเครนมีส่วนสนับสนุนความปลอดภัยขององค์การ และพันธมิตรจะได้รับอนุญาตให้ใช้เงินจากคำมั่นสัญญาใหม่สำหรับความช่วยเหลือทางทหารต่อยูเครน

ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกีมีบทบาทสำคัญน้อยลงกว่าการประชุมสุดยอดครั้งก่อนๆ โดยผู้นำยูเครนระมัดระวังไม่ให้เกิดความอับอายใดๆ หลังจากเกิดข้อโต้แย้งอันน่าอับอายกับทรัมป์ระหว่างการเยือนห้องทำงานรูปไข่

แต่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็ได้พบกับเขา และการพบปะครั้งนี้ถือเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ตามคำกล่าวของเซเลนสกี

ทรัมป์ยังกล่าวด้วยว่าเขากำลังพูดคุยกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เกี่ยวกับสงคราม และระบุว่ากำลังมีความคืบหน้าเกิดขึ้น

นายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ ของอังกฤษได้พบกับเซเลนสกีพร้อมกับผู้นำยุโรปกลุ่มอื่นๆ และกล่าวภายหลังว่าเขาหวังที่จะใช้โมเมนตัมจากการประชุมสุดยอดเพื่อเร่งสนับสนุนยูเครนต่อไป

ก่อนการประชุมสุดยอด ทรัมป์ทำให้สมาชิกอื่นๆเกิดความหวั่นไหว โดยดูเหมือนจะตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับความถูกต้องของมาตราการป้องกันร่วมกันของนาโต ซึ่งรู้จักกันในชื่อมาตรา 5 ของสนธิสัญญาพันธมิตร

แต่คำมั่นสัญญาดังกล่าวได้รับการยืนยันอย่างชัดเจนในแถลงการณ์สุดท้ายของการประชุมสุดยอด และทรัมป์ก็ได้ตอกย้ำประเด็นดังกล่าวในการแถลงข่าวปิดการประชุม

"ผมมาที่นี่เพราะเป็นสิ่งที่ผมควรทำ" ทรัมป์กล่าวในการปิดการประชุมกับสื่อมวลชน เมื่อถูกถามถึงมาตราการป้องกันร่วมกันซึ่งรู้จักกันในชื่อมาตรา 5

"แต่ผมออกจากที่นี่ไปแบบต่างออกไปเล็กน้อย" ผู้นำสหรัฐฯ กล่าว เขารู้สึกยินดีอย่างเห็นได้ชัดกับการต้อนรับบนพรมแดงและคำชมเชยที่เลขาธิการนาโตและคนอื่นๆ มอบให้เขา

"ถ้าไม่มีสหรัฐฯ พวกเขาคงไม่สามารถรักษาการมีอยู่ของนาโตได้จริงๆ แต่มันจะประสบความสำเร็จในอนาคต เพราะตอนนี้พวกเขายอมจ่ายเงินมากขึ้นแล้ว" ทรัมป์กล่าว.

เพิ่มเพื่อน