ชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แสดงความกังวลต่อภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ

โลโก้ของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน (Photo by MOHD RASFAN / AFP)

ชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แสดง "ความกังวล" ต่อกรณีการกำหนดภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ และมองว่าไม่ก่อให้เกิดประโยชน์กับการค้าโลก หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ขู่ว่าจะขึ้นภาษีนำเข้ากับประเทศต่างๆ มากกว่าสิบประเทศ

สงครามการค้าของประธานาธิบดีสหรัฐฯน่าจะกลายเป็นหัวข้อสำคัญในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ในสัปดาห์นี้

รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนระบุในร่างแถลงการณ์ร่วมว่า "เราแสดงความกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดด้านการค้าโลกที่เพิ่มมากขึ้นและความไม่แน่นอนที่เพิ่มมากขึ้นในภูมิทัศน์เศรษฐกิจระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการดำเนินการฝ่ายเดียวที่เกี่ยวข้องกับภาษีศุลกากร"

แม้รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนไม่ได้ระบุชื่อประเทศสหรัฐอเมริกาโดยตรง แต่ระบุว่าการกำหนดภาษีศุลกากรนั้นไม่เกิดประโยชน์และมีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการแตกแยกทางเศรษฐกิจทั่วโลก และยังเป็นความท้าทายที่ซับซ้อนต่อเสถียรภาพและการเติบโตของเศรษฐกิจอาเซียนอีกด้วย

ทรัมป์ส่งจดหมายถึง 14 ประเทศเพื่อประกาศว่าภาษีศุลกากรที่เขาระงับไปเมื่อเดือนเมษายนจะกลับมาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นภายในสามสัปดาห์

ประเทศที่ถูกกำหนดเป้าหมาย ได้แก่ ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่ โดยแต่ละประเทศจะเผชิญภาษีศุลกากร 25 %

อินโดนีเซีย, ลาว, กัมพูชา, ไทย, มาเลเซีย และเมียนมา ซึ่งล้วนเป็นสมาชิกอาเซียน จะต้องเสียภาษี 25-40% หากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกับวอชิงตันภายในวันที่ 1 สิงหาคม

เวียดนามซึ่งเป็นประเทศที่พึ่งพาการส่งออกและเป็นสมาชิกอาเซียนด้วย เป็นเพียง 1 ใน 2 ประเทศเท่านั้นที่บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นที่ไม่ต้องปฏิบัติตามมาตรการของทรัมป์

มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ จะเดินทางมาเข้าร่วมการประชุมกับรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนในวันพฤหัสบดีและวันศุกร์นี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางเยือนเอเชียเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่รับตำแหน่ง

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐกล่าวกับว่า รูบิโออาจชี้แจงประเด็นนี้กับบรรดาชาติอาเซียนว่า สหรัฐฯ เพียงต้องการ "สร้างสมดุลความสัมพันธ์ทางการค้า"

การเยือนครั้งนี้ของรูบิโอตรงกับการเยือนของเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย และหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์คาดว่ารูบิโอจะมีบทบาทในการประนีประนอม หลังจากที่ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีศุลกากรครั้งล่าสุดและสร้างความกังวลต่อรัฐอื่นๆ

"หวังว่ารูบิโอจะส่งข้อความเชิงบวกเพื่อย้ำถึงความสำคัญของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ" มุสตาฟา อิซซุดดิน นักวิเคราะห์ด้านกิจการระหว่างประเทศของบริษัทที่ปรึกษาโซลาริส สแตรทิจีส์ สิงคโปร์ กล่าว

แต่เขากล่าวเสริมว่า "การมีส่วนร่วมที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นของสหรัฐฯ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อาจได้รับการขัดขวางจากแนวทางการทำธุรกรรมระหว่างประเทศของทรัมป์"

ผู้นำสหรัฐฯ ได้เปิดเผยมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ครั้งใหญ่กับหลายประเทศเมื่อวันที่ 2 เมษายน ซึ่งเขาเรียกว่า "วันปลดปล่อย" อันรวมถึงการกำหนดภาษีนำเข้าพื้นฐาน 10% สำหรับทุกประเทศ

แต่หลังจากที่ตลาดเกิดความวุ่นวาย เขาก็ระงับภาษีนำเข้าที่สูงกว่า 10% อย่างรวดเร็วเป็นเวลา 90 วันเพื่อเปิดทางให้เจรจา

ในการประชุมสุดยอดเมื่อปลายเดือนพฤษภาคม ผู้นำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อนโยบายกีดกันทางการค้าของทรัมป์

เดิมทีภาษีดังกล่าวจะเริ่มมีผลบังคับใช้หลังสิ้นสุดการระงับชั่วคราวในวันพุธนี้ แต่ทรัมป์ขยายเวลาออกไปและได้ส่งจดหมายล่วงหน้าถึงหลายประเทศก่อนกำหนดเส้นตายใหม่

กระทรวงการค้าของมาเลเซียกล่าวว่าจะยังคงเจรจาต่อไปเพื่อบรรลุข้อตกลงการค้าที่สมดุล, เป็นประโยชน์ร่วมกัน และครอบคลุม

ขณะที่รักษาการนายกรัฐมนตรีของไทยกล่าวว่า เขาต้องการ "ข้อตกลงที่ดีกว่า" และเสริมว่า "สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเราต้องรักษาความสัมพันธ์อันดีกับสหรัฐอเมริกา".

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ไทยเบฟ'หนุนช้างศึกชิงเจ้าอาเซียน เปิด'อะคาเดมี่'เป็นสนามซ้อม ตั้งเป้าคว้าทองซีเกมส์2025

บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) หรือ “ไทยเบฟ” ผู้สนับสนุนหลักวงการฟุตบอลไทยมากว่า 25 ปี มุ่งมั่นสร้างรากฐานความยั่งยืนของกีฬาในทุกมิติ ตั้งแต่ระดับเยาวชน ผ่านโครงการต่างๆ พร้อมถ่ายทอดแนวคิด Sportsmanship เพราะ มากกว่ากีฬา คือ น้ำใจนักกีฬา พร้อมส่งทัพช้างศึกฟุตบอลทีมชาติไทยชุด U-23 และสนับสนุนสนามซ้อม “ไทยเบฟ ฟุตบอล อะคาเดมี่” ตั้งเป้าทวงบัลลังก์แชมป์ในการแข่งขันมหกรรมกีฬา “ซีเกมส์” ครั้งที่ 33 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ โดย “ไทยเบฟ” ร่วมผลักดันและพัฒนาวงการกีฬาของไทยบนเวทีนานาชาติ ในฐานะ Official Bronze Sponsor