รูบิโอให้ความหวัง เอเชียอาจได้รับอัตราภาษีศุลกากรที่ดีกว่าภูมิภาคอื่นๆ

รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า ประเทศในเอเชียอาจได้รับอัตราภาษีศุลกากรที่ดีกว่าภูมิภาคอื่นๆ ในโลก ขณะที่เขาเข้าร่วมการประชุมอาเซียนที่มุ่งเน้นไปที่สงครามการค้าของรัฐบาลวอชิงตัน

มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เข้าร่วมการแถลงข่าวระหว่างการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ครั้งที่ 58 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ณ ศูนย์การประชุมในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม (Photo by Mandel NGAN / POOL / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 10 กรกฎาคม 2568 กล่าวว่า มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯกำลังทำภารกิจร่วมประชุมกับรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนในกัวลาลัมเปอร์ โดยการเยือนมาเลเซียของเขาเกิดขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขู่ว่าจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากกว่า 20 ประเทศ หากไม่บรรลุข้อตกลงกับรัฐบาลวอชิงตันภายในวันที่ 1 สิงหาคม

รูบิโอใช้โอกาสนี้ในการชี้แจงโดยกล่าวระหว่างการประชุมสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ว่า "ผมขอยืนยันว่าเมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์โดยรวมแล้ว หลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะได้รับอัตราภาษีนำเข้าที่ดีกว่าประเทศในภูมิภาคอื่นๆ ของโลก"

"แต่การเจรจายังคงดำเนินต่อไป จะมีการเจรจากับญี่ปุ่นในสัปดาห์หน้า และเรากำลังดำเนินการเจรจากับแทบทุกประเทศที่เข้าร่วมการประชุม" เขากล่าว

ทรัมป์กล่าวเมื่อวันจันทร์ว่าภาษีที่เขาระงับไว้ตั้งแต่เดือนเมษายนจะเริ่มบังคับใช้จริงเสียทีในกำหนดเส้นตายใหม่

เขาได้แจ้งให้กว่า 20 ประเทศซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในเอเชีย ทราบว่าพวกเขาต้องเผชิญกับภาษีนำเข้าตั้งแต่ 20-50% รวมทั้งประกาศเก็บภาษีนำเข้าทองแดง 50% และอาจเก็บภาษีผลิตภัณฑ์ยา 200%

ในบรรดาประเทศที่ตกเป็นเป้าหมาย ได้แก่ ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่และอาจได้รับผลกระทบถึง 25%

อินโดนีเซีย, ลาว, กัมพูชา, ไทย, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, บรูไน และเมียนมาซึ่งล้วนเป็นสมาชิกอาเซียน ต่างเผชิญกับภาษีศุลกากรตั้งแต่ 20-40%

เวียดนามซึ่งเป็นสมาชิกอาเซียนเช่นกัน เป็นหนึ่งในสองประเทศ (อีกประเทศหนึ่งคือสหราชอาณาจักร) ที่ได้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นกับทรัมป์

ทั้งนี้ ระดับภาษีศุลกากรไม่ได้ลดลงมากนักจากการประกาศในเดือนเมษายน แม้ว่าบางประเทศจะต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ในตอนแรก

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กล่าวก่อนการเดินทางของรูบิโอว่ารัฐบาลวอชิงตันกำลังให้ความสำคัญกับความมุ่งมั่นที่มีต่อเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ในมาเลเซีย รูบิโอกล่าวว่าสหรัฐฯไม่มีเจตนาที่จะละทิ้งภูมิภาคนี้

"เราใช้เวลาหลายทศวรรษในการสร้างความสัมพันธ์เหล่านี้ ไม่เพียงแต่เราจะไม่ละทิ้งพวกเขาเท่านั้น แต่เรายังแสวงหาการขยายและต่อยอดในฐานะส่วนสำคัญของโลก" รูบิโอกล่าวกับผู้สื่อข่าว

คำกล่าวของรูบิโอเกิดขึ้นหลังจากการประชุมกับเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ซึ่งนักการทูตสหรัฐฯ ได้แสดงความผิดหวังและความคับข้องใจเกี่ยวกับการขาดความคืบหน้าในการยุติสงครามยูเครน

เขายังได้เข้าร่วมการประชุมนอกรอบด้วยการเจรจาไตรภาคีกับฟิลิปปินส์และญี่ปุ่น และได้พบกับนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม ของมาเลเซียเพื่อหารือเกี่ยวกับภาษีศุลกากร

"มาเลเซียเชื่อว่าการดำเนินการฝ่ายเดียวเช่นนี้จะบั่นทอนการไหลเวียนของการค้าเสรีและอาจส่งผลกระทบทางลบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อประเทศคู่ค้าอย่างมาเลเซีย"

"ผมแสดงจุดยืนว่าพื้นที่สำหรับการเจรจาควรเปิดกว้างต่อไป เพื่อให้แน่ใจว่าผลลัพธ์ทางการค้าที่ยุติธรรม, เท่าเทียม และไม่กดขี่สำหรับประเทศกำลังพัฒนา" อันวาร์กล่าวในแถลงการณ์

รูบิโอกล่าวว่าเขาอาจพบกับหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีนซึ่งกำลังเข้าร่วมการประชุมอาเซียนด้วยเช่นกัน

สองประเทศเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดยังคงเผชิญข้อพิพาทหลากหลายประเด็น ตั้งแต่การค้าและเฟนทานิล ไปจนถึงไต้หวันและเทคโนโลยีล้ำสมัย

โดยไม่ได้เอ่ยถึงสหรัฐอเมริกา หวัง อี้ได้เรียกร้องให้มีระเบียบระหว่างประเทศที่ยุติธรรมและสมเหตุสมผลมากขึ้น

"ในขณะเดียวกัน เรายังเผชิญกับความท้าทายต่างๆ เช่น ผลกระทบของนโยบายกีดกันทางการค้าฝ่ายเดียวและการใช้ภาษีศุลกากรในทางที่ผิดของประเทศใหญ่บางประเทศ" รัฐมนตรีจีนกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

SCB EIC ชี้ปี69อุตฯอาหารทะเลไทยเผชิญปัจจัยเสี่ยงทั้งภาษีทรัมป์-แข่งขันรุนแรง

SCB EIC มองอุตสาหกรรมอาหารทะเลของไทยในปี 2569 มีแนวโน้มเผชิญปัจจัยเสี่ยงด้านลบสูงขึ้น ทั้งจากอุปสงค์ที่อ่อนแอ ภาษีทรัมป์ และการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น