รัฐสภาฝรั่งเศสจะขับไล่นายกรัฐมนตรีฟรองซัวส์ บายรูออกจากตำแหน่ง หลังจากดำรงตำแหน่งได้เพียง 9 เดือน ซึ่งจะทำให้ประเทศต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนทางการเมืองครั้งใหม่ ท่ามกลางความกังวลของประธานาธิบดีมาครง

นายกรัฐมนตรีฟรองซัวส์ บายรู ของฝรั่งเศส (Photo by JOEL SAGET / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันจันทร์ที่ 8 กันยายน 2568 กล่าวว่า สมาชิกรัฐสภาฝรั่งเศสเตรียมขับไล่นายกรัฐมนตรีฟรองซัวส์ บายรูออกจากตำแหน่ง แม้เพิ่งดำรงตำแหน่งได้เพียง 9 เดือน
ความไม่พอใจในตัวบายรูทำให้เกิดการเรียกร้องให้มีการลงมติไม่ไว้วางใจเพื่อยุติความตึงเครียดที่ยืดเยื้อมานานหลายเดือนเกี่ยวกับงบประมาณรัดเข็มขัดของเขา ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีการประหยัดต้นทุนเกือบ 44,000 ล้านยูโร (ประมาณ 1.648 ล้านล้านบาท) เพื่อลดภาระหนี้ของฝรั่งเศส
พรรคฝ่ายค้านทุกพรรคต่างแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่าจะลงมติคัดค้านรัฐบาลเสียงข้างน้อยของเขา ซึ่งทำให้แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะได้รับการสนับสนุนมากพอที่จะอยู่รอดได้ เพราะเขาต้องการเสียงข้างมากจากสมาชิกรัฐสภา 577 คนในสภา
บายรูจะกลายเป็นนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสคนที่สองติดต่อกันที่ต้องเผชิญกับชะตากรรมเช่นนี้ ต่อจากมิเชล บาร์นิเยร์ที่ถูกปลดออกจากตำแหน่งในเดือนธันวาคมหลังจากดำรงตำแหน่งได้เพียงสามเดือน
บายรูซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่หกในสมัยบริหารของประธานาธิบดีมาครงนับตั้งแต่ปี 2017 ได้ให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ว่าเขาไม่ได้คาดหวังจะรอดพ้นจากการลงมติ
แต่เขากลับตั้งคำถามว่า "ประเทศของเราเข้าใจถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่หรือไม่"
คาดว่าเขาจะกล่าวปราศรัยต่อรัฐสภาในความพยายามครั้งสุดท้ายเพื่อขอการสนับสนุนตั้งแต่เวลา 13.00 น. และจะมีการลงคะแนนตั้งแต่เวลา 17.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น
หลังการลงคะแนนเสียง มาครงจะต้องเผชิญกับหนึ่งในการตัดสินใจที่สำคัญที่สุดในวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี นั่นคือการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนที่ 7 เพื่อหาข้อยุติทางการเมืองหรือไม่ก็จัดการเลือกตั้งกะทันหันเพื่อให้รัฐสภามีความชัดเจนมากขึ้น
ประธานาธิบดีกำลังเป็นผู้นำความพยายามของยุโรปในการยุติสงครามของรัสเซียกับยูเครน ซึ่งช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ในระดับนานาชาติของเขา
แต่การสำรวจความคิดเห็นภายในประเทศไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่ดีนัก และเขาถูกห้ามไม่ให้ลงสมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีสมัยที่สามในปี 2027
จากผลสำรวจความคิดเห็นของหนังสือพิมพ์ Le Figaro ชาวฝรั่งเศส 64% ต้องการให้มาครงลาออกแทนที่จะแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ซึ่งเป็นการความต้องการที่เขาปฏิเสธอย่างชัดเจน
ขณะที่ประชาชนราว 77% ไม่เห็นด้วยกับผลงานของเขา ซึ่งเป็นคะแนนที่แย่ที่สุดเท่าที่มาของมาครงเคยได้รับ จากผลสำรวจของหนังสือพิมพ์ Ouest-France
หลังจากการประชุมสุดยอดระหว่างประเทศเกี่ยวกับยูเครน มาครงได้เรียกร้องให้ฝ่ายการเมืองฝรั่งเศสแสดงความรับผิดชอบและรับรองเสถียรภาพ
"การเปลี่ยนแปลงของโลกกำลังส่งผลต่อหลายสิ่งหลายอย่างสำหรับยุโรปของเรา ในบริบทนี้ ฝรั่งเศสต้องเดินหน้าต่อไป" เขากล่าว
แต่ควบคู่ไปกับความวุ่นวายทางการเมือง ฝรั่งเศสยังเผชิญกับความตึงเครียดทางสังคมอีกด้วย
กลุ่มฝ่ายซ้ายที่เรียกตัวเองว่า "Block Everything" กำลังเรียกร้องให้มีการดำเนินการทางการเมืองในวันที่ 10 กันยายน และสหภาพแรงงานได้เรียกร้องให้มีการหยุดงานในวันที่ 18 กันยายน
ถึงแม้การเลือกตั้งใหม่ไม่อาจรับประกันว่าสถานะทางการเมืองของพรรคกลาง-ขวาของมาครงในรัฐสภาจะดีขึ้น
แต่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าประธานาธิบดีอาจกำลังพิจารณาความร่วมมือกับพรรคสังคมนิยม (PS) ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นยักษ์ใหญ่ทางการเมืองของฝรั่งเศสที่ตกอยู่ในภาวะซบเซาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ในการประชุมพรรคการเมืองสายกลางที่สนับสนุนเขาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มาครงได้เรียกร้องให้สมาชิกพรรคทำงานร่วมกับพรรคสังคมนิยม
โอลิวิเยร์ โฟเร ผู้นำพรรคสังคมนิยมเองก็ไม่ได้ปิดบังความพร้อมที่จะเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามาครงจะได้รับการสนับสนุนจากฝ่ายซ้ายอื่นๆ โดยอัตโนมัติจากการจับมือดังกล่าว.

