ประธานาธิบดีฝรั่งเศสจะยอมรับการลาออกของนายกรัฐมนตรีฟรองซัวส์ บายรู หลังจากที่รัฐบาลของเขาต้องล่มสลายอีกครั้งในการลงมติไม่ไว้วางใจล่าสุด พร้อมเร่งหาผู้สืบทอดตำแหน่งและป้องกันวิกฤตทางการเมืองครั้งใหม่
นายกรัฐมนตรีฟรองซัวส์ บายรู (ซ้าย) และประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส (Photo by Ludovic MARIN / POOL / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันอังคารที่ 9 กันยายน 2568 กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีฟรองซัวส์ บายรู ของฝรั่งเศสต้องพ่ายแพ้อย่างย่อยยับในการลงมติไม่ไว้วางใจที่เขาเป็นผู้เรียกร้องเอง ส่งผลให้ประเทศตกอยู่ในความไม่แน่นอนครั้งใหม่และทำให้มาครงต้องรับผิดชอบในการหานายกรัฐมนตรีคนที่ 7 ในยุคบริหารสองสมัยของเขา
ทำเนียบประธานาธิบดีฝรั่งเศสระบุในแถลงการณ์ว่า มาครงรับทราบผลการลงมติแล้ว และจะแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้าเพื่อยุติการคาดเดาใดๆ ที่ว่าประธานาธิบดีอาจประกาศการเลือกตั้งกะทันหันแทน
"ประธานาธิบดีจะพบกับบายรูในวันอังคารเพื่อยอมรับการลาออกของรัฐบาล" แถลงการณ์ระบุเพิ่มเติม
ยังไม่แน่ชัดว่านายกรัฐมนตรีคนใหม่จะได้รับการเสนอชื่อเมื่อใด โดยแหล่งข่าวใกล้ชิดกับมาครงระบุว่าการแต่งตั้งเป็นไปได้เร็วที่สุดในวันอังคาร
บายรูเรียกร้องให้มีการลงประชามติไม่ไว้วางใจ เพื่อยุติความตึงเครียดอันยาวนานเกี่ยวกับงบประมาณรัดเข็มขัดของเขา ซึ่งคาดการณ์ว่าจะสามารถประหยัดต้นทุนได้เกือบ 44,000 ล้านยูโร ในเป้าหมายการลดภาระหนี้ของฝรั่งเศส
จากการลงคะแนนเสียงในสภาแห่งชาติ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 364 คนลงมติว่าไม่ไว้วางใจรัฐบาล ขณะที่มีเพียง 194 คนเท่านั้นที่ไว้วางใจ และตามมาตรา 50 ของรัฐธรรมนูญ นายกรัฐมนตรีต้องยื่นหนังสือลาออกจากรัฐบาล
บายรูเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 6 ในยุคสมัยของมาครง นับตั้งแต่การเลือกตั้งในปี 2017 แต่เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 5 นับตั้งแต่ปี 2022
มาครงซึ่งเป็นผู้นำความพยายามทางการทูตระหว่างประเทศเพื่อยุติสงครามของรัสเซียกับยูเครน กำลังเผชิญกับหนึ่งในการตัดสินใจภายในประเทศที่สำคัญที่สุดในช่วงดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี เกี่ยวกับการแต่งตั้งบุคคลใดเป็นนายกรัฐมนตรี
พรรคสังคมนิยม (PS) ได้แสดงความพร้อมที่จะนำรัฐบาลชุดใหม่ แต่ยังไม่ชัดเจนว่ารัฐบาลที่นำโดยบุคคลสำคัญอย่างโอลิวิเยร์ โฟเร ผู้นำพรรคฯ จะสามารถประคองตัวไปได้นานแค่ไหน
"ผมคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ฝ่ายซ้ายจะปกครองประเทศนี้อีกครั้ง และทำให้แน่ใจว่าเราสามารถเลิกใช้นโยบายที่เคยทำมาตลอดแปดปีที่ผ่านมาได้" โฟเรกล่าวกับสถานีโทรทัศน์ TF1
ทั้งนี้ ฝ่ายขวาผู้ทรงอิทธิพลอย่างเจอรัลด์ ดาร์มาแน็ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้รับความไว้วางใจจากมาครง แต่มีความเสี่ยงที่จะถูกฝ่ายซ้ายกีดกัน
ตัวเลือกที่ค่อนข้างไม่โดดเด่น แต่อาจพบความเห็นพ้องต้องกันระหว่างฝ่ายกลางและซ้าย ได้แก่ แคทเธอรีน โวแต็ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข หรือเอริก ลอมบาร์ด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
จากผลสำรวจของ Odoxa-Backbone สำหรับหนังสือพิมพ์ Le Figaro พบว่าชาวฝรั่งเศส 64% ต้องการให้มาครงลาออกแทนที่จะแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ซึ่งเป็นความต้องการที่เขาปฏิเสธ
ขณะเดียวกัน การเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2027 ยังคงเปิดกว้าง โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าฝ่ายขวาจัดของฝรั่งเศสจะมีโอกาสชนะมากที่สุด
มารีน เลอ เปน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสามสมัยจากพรรค National Rally (RN) ได้รับผลกระทบอย่างหนักในเดือนมีนาคม เมื่อศาลฝรั่งเศสตัดสินว่าเธอและเจ้าหน้าที่พรรคคนอื่นๆ มีความผิดฐานหลอกลวงการจ้างงานปลอมในรัฐสภาสหภาพยุโรป
เลอ เปน ถูกตัดสินจำคุกสี่ปี โดยถูกพักใช้โทษสองในนั้น และห้ามเธอลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลาห้าปี ซึ่งจะทำลายความทะเยอทะยานของเธอในการเข้าร่วมการเลือกตั้งปี 2027 เว้นแต่ศาลจะกลับคำตัดสินในการอุทธรณ์
ศาลปารีสกล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า การอุทธรณ์ของเธอจะมีการพิจารณาตั้งแต่วันที่ 13 มกราคม ถึง 12 กุมภาพันธ์ 2026 ก่อนการเลือกตั้งนานพอสมควร ซึ่งอาจช่วยฟื้นความหวังในการเป็นประธานาธิบดีของเธอ
เลอเปนซึ่งได้รับเสียงเชียร์จากสมาชิกรัฐสภา เรียกร้องให้มาครงประกาศจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติโดยเร็ว โดยกล่าวว่าการจัดการเลือกตั้งไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นภาระหน้าที่.
