นายกรัฐมนตรีเนปาลประกาศลาออกจากตำแหน่ง หนึ่งวันหลังจากการปราบปรามผู้ประท้วงที่นองเลือดที่สุดครั้งหนึ่งในรอบหลายปีและมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 19 ราย

นายกรัฐมนตรีเคพี ศรรมะ โอลี ของเนปาล (Photo by BIKASH KARKI / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันอังคารที่ 9 กันยายน 2568 กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีเคพี ศรรมะ โอลี ของเนปาลประกาศลาออกจากตำแหน่งเพื่อรับผิดชอบกรณีความวุ่นวายจากการปราบปรามผู้ประท้วงที่นองเลือดที่สุดครั้งหนึ่งในรอบหลายปี
"ผมขอลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและให้มีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เพื่อดำเนินการหาทางออกทางการเมืองและการแก้ไขปัญหาสังคม" ศรรมะ โอลีกล่าวในจดหมายถึงประธานาธิบดีเนปาล
การประท้วงซึ่งเริ่มต้นขึ้นในวันจันทร์พร้อมกับข้อเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกการห้ามใช้โซเชียลมีเดียและปราบปรามการทุจริต ยังคงดำเนินต่อไป แม้ว่ารัฐบาลยอมถอยด้วยการอนุญาตแอปพลิเคชันต่างๆ ให้กลับมาออนไลน์ได้อีกครั้ง
มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 19 รายในวันจันทร์ และแอมเนสตี อินเตอร์เนชั่นแนลระบุว่ามีการใช้กระสุนจริงโจมตีผู้ประท้วง
โอลี วัย 73 ปี เริ่มดำรงตำแหน่งสมัยที่สี่เมื่อปีที่แล้ว หลังจากที่พรรคคอมมิวนิสต์ของเขาจัดตั้งรัฐบาลผสมกับพรรคคองเกรสเนปาลซึ่งเป็นพรรคกลางซ้าย ในรัฐสภาที่มักมีความผันผวน
ความไม่พอใจของประชาชนเริ่มปะทุมากขึ้นจากความไม่มั่นคงทางการเมือง, การทุจริต และการพัฒนาเศรษฐกิจที่ล่าช้าในประเทศที่มีประชากร 30 ล้านคนบนเทือกเขาหิมาลัย
ตามสถิติของรัฐบาล เนปาลมีประชากรอายุ 15-40 ปี คิดเป็นเกือบ 43% ของประชากรทั้งหมด ขณะที่อัตราการว่างงานอยู่ที่ประมาณ 10% และจีดีพีต่อหัวอยู่ที่เพียง 1,447 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 45,800 บาท) ตามข้อมูลของธนาคารโลก
ประเทศเนปาลได้เปลี่ยนสถานะเป็นสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาลในปี 2008 หลังสิ้นสุดสงครามกลางเมืองที่ยาวนานกว่าทศวรรษ, การทำข้อตกลงสันติภาพที่นำไปสู่การนำกลุ่มเหมาอิสต์เข้ามาบริหารประเทศ และการยกเลิกระบอบกษัตริย์
นับแต่นั้นมา นายกรัฐมนตรีสูงวัยที่หมุนเวียนกันเข้ามาบริหารและวัฒนธรรมการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ได้กระตุ้นให้สาธารณชนมองว่ารัฐบาลขาดความทันสมัย.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'มาร์ค พิตบูล' ยกเหตุจราจลในเนปาล เตือน 'อนุทิน' จัดโควตารมต.ให้กลุ่มการเมือง รัฐบาลจะอายุสั้น
นายณัชพล สุพัฒนะ หรือ “มาร์ค พิตบูล” หัวหน้าทีมยุทธศาสตร์พรรคเศรษฐกิจ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีการชุมนุมประท้วงรัฐบาลประเทศเนปาลจนเกิดเหตุรุนแรง ว่า ไทยอาจจะเป็นประเทศต่อไป ?


