รูบิโอเยือนอิสราเอล มุ่งหารือสถานการณ์กาตาร์และฉนวนกาซา

รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ จะพบกับนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์หลังการโจมตีของอิสราเอลในกาตาร์ และผลกระทบต่อความพยายามในการสงบศึกฉนวนกาซา

มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ (กลาง-ซ้าย) และนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล (กลาง-ขวา) จับมือกันขณะเยี่ยมชมอุโมงค์กำแพงตะวันตกซึ่งอยู่ใต้สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวยิว ณ เมืองเก่าเยรูซาเลม เมื่อวันที่ 14 กันยายน (Photo by Nathan Howard / POOL / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันจันทร์ที่ 15 กันยายน 2568 กล่าวว่า มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เดินทางเยือนอิสราเอล และเข้าพบกับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู เพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์หลังการโจมตีของอิสราเอลในกาตาร์ซึ่งรัฐบาลวอชิงตันคัดค้าน รวมถึงผลกระทบต่อความพยายามในการสงบศึกฉนวนกาซา

รูบิโอมุ่งหน้ามาเยือนเพื่อแสดงความสามัคคี หนึ่งสัปดาห์ก่อนการประชุมสุดยอดที่นำโดยฝรั่งเศส ณ สหประชาชาติ เพื่อรับรองสถานะรัฐปาเลสไตน์ที่รัฐบาลฝ่ายขวาของเนทันยาฮูคัดค้านอย่างหนักมาตลอด

แต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ต้องประหลาดใจเมื่ออิสราเอลโจมตีกาตาร์ซึ่งเป็นที่ตั้งของฐานทัพอากาศสหรัฐฯ ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค และโจมตีผู้นำกลุ่มฮามาสที่กำลังประชุมเพื่อหารือเกี่ยวกับข้อเสนอหยุดยิงฉบับใหม่ของสหรัฐฯ ในฉนวนกาซา

"เห็นได้ชัดว่าเราไม่พอใจกับเรื่องนี้ ประธานาธิบดีก็ไม่พอใจกับเรื่องนี้เช่นกัน ตอนนี้เราต้องเดินหน้าต่อไปและหาทางออก" รูบิโอกล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อถูกถามเกี่ยวกับการโจมตีครั้งนี้ ก่อนเดินทางออกจากสหรัฐ

รูบิโอกล่าวว่าเขาจะพูดคุยกับเนทันยาฮูเกี่ยวกับแผนการของกองทัพอิสราเอลที่จะยึดกาซาซิตีซึ่งเป็นเมืองศูนย์กลางที่ใหญ่ที่สุดในฉนวนกาซา รวมถึงเรื่องที่รัฐบาลเทลอาวีฟกำลังพูดถึงการผนวกพื้นที่บางส่วนของเขตเวสต์แบงก์เพื่อป้องกันไม่ให้มีรัฐปาเลสไตน์เกิดขึ้น

รูบิโอกล่าวว่าทรัมป์ต้องการให้สงครามกาซายุติลง ซึ่งหมายถึงการปล่อยตัวตัวประกันที่ถูกจับในการโจมตีเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 และการทำให้แน่ใจว่ากลุ่มฮามาสจะไม่เป็นภัยคุกคามอีกต่อไป

"ส่วนหนึ่งของสิ่งที่เราจะต้องหารือกันในการเยือนครั้งนี้คือผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับกาตาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว" รูบิโอกล่าว

สหรัฐอเมริกาไม่ได้ร่วมมือกับมหาอำนาจยุโรปในการกดดันอิสราเอลให้ยุติการรุกครั้งนี้ ซึ่งเกรงว่าจะทำให้วิกฤตด้านมนุษยธรรมที่รุนแรงอยู่แล้วในฉนวนกาซารุนแรงยิ่งขึ้น

รูบิโอได้พบกับเนทันยาฮูแล้วในวันอาทิตย์ ขณะที่พวกเขาร่วมกันสวดมนต์ที่กำแพงตะวันตกซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดที่ชาวยิวสามารถสวดมนต์ได้

รูบิโอซึ่งเป็นชาวคาทอลิกผู้เคร่งครัด ได้โพสต์ในภายหลังว่าการเยือนครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความเชื่อของเขาว่าเยรูซาเลมคือ "เมืองหลวงนิรันดร์" ของอิสราเอล

ถึงกระนั้น ในวาระแรกของทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ หลีกเลี่ยงที่จะออกแถลงการณ์อย่างเปิดเผยเช่นนี้เพื่อสนับสนุนอำนาจอธิปไตยของอิสราเอลเหนือเยรูซาเลมซึ่งเป็นดินแดนที่อยู่ระหว่างการโต้แย้งเพราะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับชาวมุสลิมและคริสเตียน

ทรัมป์ย้ายสถานทูตสหรัฐฯ ไปยังเยรูซาเลมและให้การสนับสนุนอิสราเอลอย่างแข็งขันซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้ว่าอิสราเอลจะดำเนินการในสิ่งที่เขาคัดค้าน เช่น การโจมตีกาตาร์

เนทันยาฮูกล่าวหลังจากร่วมเดินทางกับรูบิโอไปยังสถานที่ขุดค้นใต้กำแพงตะวันตกว่า ความเป็นพันธมิตรของอิสราเอลกับสหรัฐอเมริกานั้นแข็งแกร่งกว่าที่เคย

คาดว่ารูบิโอจะเข้าร่วมพิธีเปิดอุโมงค์แสวงบุญที่นำไปสู่พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ในวันจันทร์นี้

เขาลดทอนผลกระทบทางการเมือง โดยเรียกสถานที่นี้ว่า "หนึ่งในสถานที่ทางโบราณคดีที่สำคัญที่สุดในโลก" แต่กลุ่มปาเลสไตน์และกลุ่มสันติภาพกล่าวว่า การอ้างสิทธิ์ของอิสราเอลซึ่งผนวกเยรูซาเลมตะวันออกหลังจากยึดครองในปี 1967 กลับมามีความชอบธรรมอีกครั้งภายใต้การสนับสนุนของตะวันตก.