ตำรวจติมอร์ตะวันออกยิงแก๊สน้ำตาใส่ผู้ประท้วง ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์แผนการซื้อรถยนต์ราชการใหม่ให้กับสมาชิกรัฐสภา ซึ่งกลายเป็นประเด็นร้อนล่าสุดในประเทศที่ยากจนที่สุดแห่งหนึ่งในอาเซียน

นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยหลายแห่งเข้าร่วมการประท้วงแผนการจัดซื้อรถยนต์ SUV จำนวน 65 คันให้กับสมาชิกรัฐสภา บนถนนสายหนึ่งในเมืองหลวงดิลี ประเทศติมอร์ตะวันออก เมื่อวันที่ 15 กันยายน (Photo by VALENTINO DARIELL DE SOUSA / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันอังคารที่ 16 กันยายน 2568 กล่าวว่า กระแสความไม่พอใจของประชาชนที่มีต่อการใช้จ่ายฟุ่มเฟือยชองรัฐบาล เกิดขึ้นอีกครั้งในประเทศติมอร์ตะวันออก (สาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์-เลสเต) ซึ่งประชาชนวิพากษ์วิจารณ์แผนการซื้อรถยนต์ราชการใหม่ให้กับสมาชิกรัฐสภา
ประชาชนกว่า 2,000 คนซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยหลายแห่งในเมืองหลวงดิลี รวมตัวกันใกล้รัฐสภาแห่งชาติ เพื่อประท้วงแผนการจัดหารถยนต์ให้กับสมาชิกรัฐสภาทั้ง 65 คน
การชุมนุมที่เริ่มต้นด้วยความสงบ ได้เปลี่ยนเป็นความรุนแรงเมื่อตำรวจยิงแก๊สน้ำตาใส่ผู้ประท้วงบางคนที่ขว้างปาก้อนหินใส่เจ้าหน้าที่รัฐ
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากการชุมนุมประท้วงที่คล้ายคลึงกันในวันจันทร์ ซึ่งกระตุ้นให้พรรคการเมืองหลายพรรคประกาศว่าจะขอให้รัฐสภายกเลิกการจัดซื้อ แม้พรรคการเมืองเดียวกันนี้เคยอนุมัติงบประมาณประจำปี ซึ่งรวมถึงงบประมาณสำหรับการซื้อรถยนต์มาแล้วก่อนหน้า
ผู้ประท้วงให้คำมั่นว่าจะเดินหน้าชุมนุมต่อไปจนกว่าแผนการดังกล่าวจะถูกยกเลิกอย่างเป็นทางการ
"เราต้องการให้การตัดสินใจซื้อรถยนต์ถูกยกเลิก และการตัดสินใจนี้ต้องดำเนินการโดยประธานรัฐสภาแห่งชาติ พวกเขาต้องหยุดนิสัยที่ไม่ดีในการใช้จ่ายงบประมาณ" โดมิงโกส เด อันดราเด นักเคลื่อนไหววัย 34 ปี กล่าวกับผู้สื่อข่าว
ผู้ประท้วงถือป้ายเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ "หยุดยั้งโจร หยุดยั้งผู้ทุจริต"
พวกเขายังเผายางรถยนต์และเผาทำลายรถยนต์ของรัฐบาลใกล้กับอาคารรัฐสภาอีกด้วย
จนถึงวันอังคาร รัฐบาลติมอร์ตะวันออกยังไม่ได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการประท้วงดังกล่าว
ในแถลงการณ์ร่วมเมื่อวันจันทร์ สภาแห่งชาติเพื่อการฟื้นฟูติมอร์, พรรคประชาธิปไตย และพรรคเอกภาพแห่งชาติบุตรติมอร์ ระบุว่า การใช้จ่ายงบสำหรับการซื้อรถยนต์ครั้งนี้ไม่ได้สะท้อนถึงผลประโยชน์สาธารณะและให้คำมั่นว่าจะขอให้รัฐสภายกเลิกการซื้อ
ติมอร์ตะวันออกซึ่งเป็นประเทศที่อายุน้อยที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้รับเอกราชจากอินโดนีเซียในปี 2002
ถึงกระนั้น อดีตอาณานิคมของโปรตุเกสแห่งนี้ยังคงเผชิญกับปัญหาความเหลื่อมล้ำสูง, ภาวะทุพโภชนาการ และการว่างงาน รวมถึงเศรษฐกิจที่ต้องพึ่งพาน้ำมันอย่างมาก.


