ผู้นำเกาหลีเหนือมีความทรงจำอันน่าประทับใจกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และเปิดใจรับการเจรจากับสหรัฐฯ ในอนาคต หากจะไม่มีการแตะต้องคลังอาวุธนิวเคลียร์ของเขา

แฟ้มภาพ คิมจองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ (ซ้าย) และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เข้าร่วมการประชุมในเขตปลอดทหาร (DMZ) ระหว่างสองเกาหลี เมื่อ 6 ปีที่แล้ว (Photo by Brendan Smialowski / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันจันทร์ที่ 22 กันยายน 2568 กล่าวว่า คิมจองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ยังคงมีความทรงจำอันน่าประทับใจกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และอาจเปิดใจรับการเจรจากับสหรัฐฯ ในอนาคตได้ หากจะไม่มีการแตะต้องคลังอาวุธนิวเคลียร์ของเขา
คิมได้พบกับทรัมป์ถึงสามครั้งในการประชุมสุดยอดผู้นำระดับสูงในช่วงดำรงตำแหน่งสมัยแรกของทรัมป์ ก่อนที่การเจรจาจะล้มเหลวที่กรุงฮานอยในปี 2019 เกี่ยวกับข้อเสนอประนีประนอมด้านอาวุธนิวเคลียร์
ข้อเรียกร้องของสหรัฐฯ ที่ให้คิมยกเลิกอาวุธต้องห้ามของเขาเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันมานานระหว่างสองประเทศ โดยเปียงยางอยู่ภายใต้มาตรการคว่ำบาตรของสหประชาชาติอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธ
"หากสหรัฐฯ ละทิ้งความหลงผิดเกี่ยวกับการปลดอาวุธนิวเคลียร์โดยตระหนักถึงความเป็นจริงแล้ว และปรารถนาอย่างแท้จริงที่จะอยู่ร่วมกันอย่างสันติกับเรา ก็ไม่มีเหตุผลที่เราจะไม่สามารถบรรลุข้อตกลงนั้นได้"
"ส่วนตัวผมยังคงจดจำประธานาธิบดีทรัมป์ได้อย่างดี" คิมกล่าวในสุนทรพจน์ต่อสมัชชาประชาชนสูงสุดของประเทศ ตามรายงานของสำนักข่าวกลางเกาหลี
นับตั้งแต่การประชุมสุดยอดที่ล้มเหลวในปี 2019 เกาหลีเหนือได้กล่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าจะไม่ยอมสละอาวุธนิวเคลียร์ และประกาศตนเป็นรัฐนิวเคลียร์ที่ไม่สามารถย้อนกลับได้
คิมย้ำว่าการปลดอาวุธนิวเคลียร์ไม่ใช่ทางเลือก
"โลกรู้ดีอยู่แล้วว่าสหรัฐฯ จะทำอะไรหลังจากที่บังคับให้ประเทศใดประเทศหนึ่งสละอาวุธนิวเคลียร์และปลดอาวุธ ซึ่งแน่นอนว่าเราจะไม่มีวันสละอาวุธนิวเคลียร์ของเรา" เขากล่าว
คิมกล่าวว่ามาตรการคว่ำบาตรได้ช่วยให้เกาหลีเหนือแข็งแกร่งขึ้น, สร้างความอดทนและความต้านทานที่ไม่สามารถถูกบดขยี้ด้วยแรงกดดันใดๆ
คิมยังกล่าวเสริมอีกว่าเขาไม่มีเหตุผลที่จะต้องนั่งคุยกับเกาหลีใต้ แม้ว่าประธานาธิบดีคนใหม่ของรัฐบาลโซลจะพยายามผ่อนคลายความตึงเครียดกับเกาหลีเหนือก็ตาม
"เราขอยืนยันอย่างชัดเจนว่าเราจะไม่จัดการเจรจากับพวกเขาไม่ว่าในรูปแบบใดก็ตาม" เขากล่าว
นักวิเคราะห์อาวุโสจากสถาบันรวมชาติเกาหลี กล่าวกับเอเอฟพีว่า สุนทรพจน์ของคิมย้ำจุดยืนของรัฐบาลเปียงยางที่ว่าต้องได้รับการยอมรับในฐานะรัฐนิวเคลียร์ก่อนจึงจะสามารถเจรจาได้
"สุนทรพจน์นี้เป็นการตอกย้ำจุดยืนของเกาหลีเหนือที่ว่า การยอมรับในฐานะรัฐอาวุธนิวเคลียร์ พร้อมกับความเต็มใจที่จะพัฒนาความสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือ เป็นสิ่งจำเป็นเบื้องต้นสำหรับการเจรจา ตลอดจนการเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ไปสู่การเจรจาที่เท่าเทียมกัน และความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นในฐานะรัฐอาวุธนิวเคลียร์" นักวิเคราะห์กล่าว
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เกาหลีเหนือได้ประกาศให้เกาหลีใต้เป็นศัตรูตัวฉกาจ และทำลายเส้นทางรถไฟและถนนที่เชื่อมต่อทั้งสองประเทศ
นักวิเคราะห์ระบุว่า คิมจองอึนได้รับกำลังใจจากสงครามในยูเครน และได้รับการสนับสนุนสำคัญจากรัสเซียหลังจากส่งทหารเกาหลีเหนือหลายพันนายไปร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับรัฐบาลมอสโก
เกาหลีเหนือกลายเป็นหนึ่งในพันธมิตรหลักของรัสเซียนับตั้งแต่ส่งกองทัพบุกยูเครนเมื่อสามปีครึ่งที่แล้ว โดยคิมส่งทหารหลายพันนายและอาวุธจำนวนมหาศาลไปช่วยรัสเซียผลักดันกองกำลังยูเครนออกจากภูมิภาคตะวันตกที่ถูกบุกยึดพื้นที่อย่างกระทันหันเมื่อปีที่แล้ว
รัฐบาลมอสโกและเปียงยางได้ลงนามในข้อตกลงป้องกันร่วมกันเมื่อปีก่อน ในช่วงที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียเดินทางเยือนดินแดนของคิม
ขณะที่รัฐบาลโซลได้เตือนหลายครั้งว่ารัสเซียกำลังเพิ่มการสนับสนุนเปียงยาง รวมถึงการถ่ายทอดเทคโนโลยีทางทหารที่ละเอียดอ่อนของรัสเซีย
คาดว่าทรัมป์จะเดินทางเยือนเกาหลีใต้ในเดือนหน้า ซึ่งเกาหลีใต้จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมฟอรั่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (APEC) ที่เมืองคย็องจู ทางตอนใต้ของประเทศ.


