เกาหลีเหนือกร้าวต่อหน้าสหประชาชาติ จะไม่หยุดสะสมอาวุธนิวเคลียร์

รัฐมนตรีเกาหลีเหนือกล่าวสุนทรพจน์ที่หาได้ยากยิ่งต่อสหประชาชาติว่ารัฐบาลเปียงยางจะไม่มีวันยอมหยุดสะสมอาวุธนิวเคลียร์ แต่พร้อมเปิดประตูสู่การทูต

คิม ซ็อน-กย็อง รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศเกาหลีเหนือกล่าวสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติในนครนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 29 กันยายน (Photo by ANGELA WEISS / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันจันทร์ที่ 29 กันยายน 2568 กล่าวว่า คิม ซ็อน-กย็อง รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศเกาหลีเหนือเดินทางเยือนนิวยอร์กเพื่อเข้าร่วมการประชุมระดับสูงประจำปีของสหประชาชาติ ซึ่งก่อนหน้านี้เอกอัครราชทูตเกาหลีเหนือเคยดำรงตำแหน่งในระดับล่าง

เขาได้รับโอกาสกล่าวสุนทรพจน์ที่หาได้ยากยิ่งต่อหน้าสหประชาชาติ โดยระบุว่า "การบังคับปลดอาวุธนิวเคลียร์ต่อเกาหลีเหนือนั้นเท่ากับเป็นการเรียกร้องให้เกาหลีเหนือยอมสละอำนาจอธิปไตยและสิทธิในการดำรงอยู่ และละเมิดรัฐธรรมนูญ"

"เราจะไม่มีวันสละอำนาจนิวเคลียร์ซึ่งเป็นกฎหมายของรัฐ, นโยบายแห่งชาติ และอำนาจอธิปไตยของเรา รวมถึงสิทธิในการดำรงอยู่ ไม่ว่าในกรณีใดๆ เราจะไม่ละทิ้งจุดยืนนี้" เขากล่าว

คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า เขาเปิดกว้างสำหรับการเจรจากับสหรัฐอเมริกา โดยมีเงื่อนไขว่าห้ามแตะต้องสิทธิในการรักษาคลังอาวุธนิวเคลียร์ของตนเอง

เกาหลีเหนือซึ่งทดสอบนิวเคลียร์ครั้งแรกในปี 2006 กำลังอยู่ภายใต้มาตรการคว่ำบาตรของสหประชาชาติหลายต่อหลายครั้งสำหรับโครงการอาวุธต้องห้าม

อย่างไรก็ตาม ตัวแทนจากเกาหลีเหนือแถลงว่าประเทศของเขาพร้อมเปิดรับความสัมพันธ์ทางการทูตกับนานาชาติ

"เกาหลีเหนือจะร่วมมือกับทุกประเทศที่ต่อต้านและปฏิเสธการรุกราน, การแทรกแซง, การครอบงำ และการกดขี่ เช่นเดียวกับอดีตที่ผ่านมารวมถึงในอนาคต และปรารถนาเอกราชและความยุติธรรมโดยไม่คำนึงถึงความแตกต่างทางความคิดและระบบ" คิม ซ็อน-กย็องกล่าวโดยไม่ได้ระบุถึงประเทศใดโดยเฉพาะ

ทั้งนี้ สำนักข่าวกรองของเกาหลีใต้ระบุว่า เกาหลีเหนืออาจมีโรงงานเสริมสมรรถนะยูเรเนียมหลายแห่ง รวมถึงโรงงานแห่งหนึ่งที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ยองบย็อนซึ่งรัฐบาลเปียงยางเคยปลดประจำการหลังจากการเจรจา แต่ต่อมาได้เปิดใช้งานโรงงานดังกล่าวอีกครั้งในปี 2021

ขณะที่ประธานาธิบดีอี แจ-มย็อง ของเกาหลีใต้เคยให้คำมั่นในที่ประชุมองค์การสหประชาชาติว่าจะทำงานเพื่อยุติวงจรอุบาทว์แห่งความตึงเครียดกับเกาหลีเหนือ โดยสัญญาว่าจะไม่แสวงหาการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของเปียงยาง.