รัฐบาลสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะชัตดาวน์แล้วในวันพุธ หลังจากที่สมาชิกรัฐสภาและประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ไม่สามารถแก้ไขปัญหาทางงบประมาณระหว่างการเจรจาที่ตึงเครียด ซึ่งมุ่งเน้นไปที่ข้อเรียกร้องของพรรคเดโมแครตเกี่ยวกับงบประมาณด้านการดูแลสุขภาพ

ป้ายหยุดปรากฏอยู่ด้านหน้าโดมอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันที่ 30 กันยายน (Photo by Alex WROBLEWSKI / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 2 ตุลาคม 2568 กล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะชัตดาวน์แล้วซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี หลังจากที่รัฐสภาและฝ่ายบริหารของโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาทางงบประมาณระหว่างการเจรจาที่ตึงเครียดได้ จนนำไปสู่ทางตัน
พรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตต่างกล่าวโทษกันทันทีถึงสาเหตุของภาวะชะงักงันที่จะส่งผลกระทบต่อเจ้าหน้าที่รัฐบาลหลายแสนคนและชาวอเมริกันหลายล้านคนที่ใช้บริการของพวกเขา
การปิดหน่วยงานรัฐบาลกลางหลายแห่งซึ่งทำให้การทำงานของกระทรวงและหน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาลกลางต้องหยุดชะงักลง เกิดขึ้นท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองอย่างรุนแรงในกรุงวอชิงตัน และก่อให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับระยะเวลาและผลที่ตามมาของการหยุดดังกล่าว
ทรัมป์ขู่ว่าจะลงโทษพรรคเดโมแครตและผู้มีสิทธิเลือกตั้งของพวกเขาด้วยการมุ่งเน้นไปที่การจัดลำดับความสำคัญของการใช้งบประมาณ รวมถึงบังคับให้มีการลดตำแหน่งงานในภาครัฐจำนวนมากเหมือนช่วงการชัตดาวน์ครั้งล่าสุดที่เกิดสมัยดำรงตำแหน่งวาระแรก
"เราจำเป็นต้องปลดพนักงานจำนวนมาก และพวกแรกที่จะโดนคือเดโมแครต" ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าว พร้อมเสริมว่า "บางทีอาจมีสิ่งดีๆ มากมายสามารถเกิดขึ้นได้จากการปิดหน่วยงาน"
สถานทูตสหรัฐฯ หลายแห่งประกาศบน X ว่าบัญชีของพวกเขาจะได้รับการอัปเดตเฉพาะ "ข้อมูลด้านความปลอดภัยและความมั่นคงเร่งด่วน" ขณะที่องค์การนาซา (NASA) ระบุว่าจำเป็นต้องยุติการทำงานเนื่องจากการขาดหายของงบประมาณจากรัฐบาล
การดำเนินงานของรัฐบาลเริ่มหยุดชะงักลงเมื่อเวลา 00.01 น. ตามเวลาท้องถิ่นของวันพุธ หลังจากความพยายามอย่างแข็งขันแต่สุดท้ายก็ล้มเหลวในชั้นวุฒิสภาเพื่อขอรับรองมติงบประมาณระยะสั้นที่สภาผู้แทนราษฎรได้อนุมัติไปแล้ว
ชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภาจากพรรคเดโมแครต และฮาคีม เจฟฟรีส์ กล่าวในแถลงการณ์ว่า "ทรัมป์และพรรครีพับลิกันได้สั่งปิดรัฐบาลกลางแล้ว เพราะพวกเขาไม่ต้องการปกป้องการดูแลสุขภาพของประชาชนชาวอเมริกัน"
"พรรคเดโมแครตยังคงพร้อมที่จะหาแนวทางร่วมกันระหว่างสองพรรคเพื่อเดินหน้าการทำงานของรัฐบาลอีกครั้ง แต่จะต้องอยู่บนพื้นฐานความร่วมมืออย่างจริงใจ" แถลงการณ์ที่เผยแพร่หลังจากผ่านเส้นตายระบุ
อย่างไรก็ตาม การชัตดาวน์จะไม่ส่งผลกระทบต่อหน่วยงานสำคัญๆ เช่น บริการไปรษณีย์, กองทัพ และโครงการสวัสดิการต่างๆ เช่น ประกันสังคมและคูปองอาหาร
แต่สำนักงานงบประมาณรัฐสภาระบุว่า อาจมีการส่งพนักงานกลับบ้านมากถึง 750,000 คนในแต่ละวัน โดยจะไม่มีการจ่ายค่าจ้างจนกว่าภาวะชัตดาวน์จะสิ้นสุดลง
นี่เป็นการชัตดาวน์ครั้งแรกในรอบเกือบเจ็ดปีนับตั้งแต่การชัตดาวน์ที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ที่กินเวลานานถึง 35 วัน ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งวาระแรก
ความหวังในการประนีประนอมถูกแขวนอยู่บนเส้นด้ายตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา เมื่อการประชุมเฮือกสุดท้ายที่ทำเนียบขาวไม่มีความคืบหน้า และพรรคเดโมแครตซึ่งเป็นเสียงข้างน้อยในทั้งสองสภา ได้พยายามใช้อำนาจที่หาได้ยากเหนือรัฐบาลกลางในช่วงแปดเดือนแรกของการดำรงตำแหน่งวาระสองของทรัมป์
คำขู่ของทรัมป์ที่จะลดตำแหน่งงานใหม่ยิ่งตอกย้ำความวิตกกังวลในบุคลากรของรัฐบาลกลาง ซึ่งโดนล้างบางไปเป็นจำนวนมากก่อนหน้านี้ด้วยฝีมือของอีลอน มัสก์และกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล (DOGE)
ไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรจากพรรครีพับลิกัน เขียนบน X หลังจากการปิดหน่วยงาน โดยตั้งคำถามว่า "ชัค ชูเมอร์ จะปล่อยให้ความเจ็บปวดนี้ดำเนินต่อไปอีกนานแค่ไหน ด้วยเหตุผลที่เห็นแก่ตัวของเขาเอง"
"ผลลัพธ์ของสิ่งนั้นคือ แม่และลูกๆที่ขาดสารอาหารเพราะการหยุดชะงักของโครงการโภชนาการเสริมพิเศษ, ทหารผ่านศึกขาดการดูแลสุขภาพและโครงการป้องกันการฆ่าตัวตาย, สำนักจัดการภาวะฉุกเฉินกลางขาดแคลนคนทำงานในช่วงฤดูพายุเฮอริเคน รวมทั้งทหารและเจ้าหน้าที่หน่วยงานรักษาความปลอดภัยด้านการขนส่งไม่ได้รับค่าจ้าง" จอห์นสันเขียน
กมลา แฮร์ริส อดีตผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต เขียนบน X ว่าพรรครีพับลิกันเป็นผู้ควบคุมทำเนียบขาวและทั้งสองสภาของรัฐสภา
"นี่คือการปิดหน่วยงานของพวกเขาเอง" อดีตรองประธานาธิบดีแฮร์ริสเขียน
ทั้งนี้ วุฒิสภาที่มีสมาชิก 100 คน กำหนดให้ร่างกฎหมายงบประมาณของรัฐบาลต้องได้รับคะแนนเสียง 60 เสียง ซึ่งแม้ว่าพรรครีพับลิกันจะครองเสียงข้างมากแต่ก็ยังขาดเสียงสนับสนุนอยู่ถึง 7 เสียง
พรรครีพับลิกันเสนอให้ขยายระยะเวลาการจัดสรรงบประมาณปัจจุบันออกไปจนถึงปลายเดือนพฤศจิกายน โดยรอการเจรจาแผนการใช้จ่ายระยะยาว
แต่พรรคเดโมแครตต้องการให้งบประมาณด้านการดูแลสุขภาพหลายแสนล้านดอลลาร์กลับมาฟื้นตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโครงการประกันสุขภาพโอบามาแคร์สำหรับครัวเรือนที่มีรายได้น้อย ซึ่งรัฐบาลทรัมป์มีแนวโน้มที่จะยกเลิก
สมาชิกวุฒิสภาพรรคเดโมแครตเกือบทั้งหมดลงมติคัดค้านมาตรการจัดสรรงบประมาณชั่วคราวระยะเวลาเจ็ดสัปดาห์ที่สภาผู้แทนราษฎรผ่านก่อนกำหนดเส้นตายเที่ยงคืนเพียงไม่กี่ชั่วโมง
ยังไม่ชัดเจนว่าการชัตดาวน์รัฐบาลจะกินเวลานานเท่าใด
ที่ผ่านมารัฐบาลกลางได้ชัตดาวน์ไปแล้ว 21 ครั้งนับตั้งแต่ปี 1976 ซึ่งเป็นปีที่รัฐสภาประกาศใช้กระบวนการงบประมาณสมัยใหม่
ภาวะชัตดาวน์ที่ยาวนานที่สุดเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2018 เมื่อพรรคเดโมแครตและทรัมป์พบว่าตนเองอยู่ในภาวะทางตันเกี่ยวกับงบประมาณ 5,700 ล้านดอลลาร์ที่ประธานาธิบดีเรียกร้องสำหรับการสร้างกำแพงกั้นพรมแดนในช่วงดำรงตำแหน่งสมัยแรก.


