ซานาเอะ ทาคาอิจิ ได้รับเลือกให้เป็นผู้นำฝ่ายอนุรักษนิยมคนใหม่ในฐานะหัวหน้าพรรครัฐบาลของญี่ปุ่น ซึ่งจะทำให้เธอก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศ

ซานาเอะ ทาคาอิจิ ผู้นำคนใหม่ของพรรคเสรีประชาธิปไตย (แอลดีพี) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล โพสท่านั่งยิ้มในสำนักงานหลังชนะการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคฯ ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม (Photo by Yuichi YAMAZAKI / POOL / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันอาทิตย์ที่ 5 ตุลาคม 2568 กล่าวว่า พรรคเสรีประชาธิปไตย (แอลดีพี) ของญี่ปุ่นได้ผู้นำคนใหม่แล้ว และเธอผู้นั้นจะก้าวไปเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศ
ซานาเอะ ทาคาอิจิ ได้รับเลือกให้เป็นผู้นำฝ่ายอนุรักษนิยมคนใหม่จากการเลือกตั้งภายในครั้งล่าสุดที่เกิดจากการลาออกของชิเงรุ อิชิบะ
หญิงวัย 64 ปี ซึ่งมีมาร์กาเร็ต แทตเชอร์ เป็นฮีโร่ กล่าวว่า เธอมีงานมากมายมหาศาลรออยู่ข้างหน้าในการกอบกู้สถานการณ์ของพรรคเสรีประชาธิปไตยที่กำลังประสบปัญหา
พรรคแอลดีพีปกครองญี่ปุ่นมาอย่างต่อเนื่องยาวนานหลายทศวรรษ แต่กลับสูญเสียการสนับสนุนอย่างมากในระยะหลัง ขณะที่พรรคเล็กๆ กลับเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงพรรคซันเซอิโตะที่มีแนวคิดต่อต้านผู้อพยพ
ทาคาอิจิซึ่งเคยเป็นมือกลองเฮฟวีเมทัลสมัยเรียนมหาวิทยาลัย เกือบจะได้รับการอนุมัติจากรัฐสภาในปลายเดือนนี้ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 5 ของญี่ปุ่นในรอบหลายปี
เธอกำลังเผชิญกับปัญหาที่ซับซ้อนมากมาย รวมถึงปัญหาประชากรสูงอายุ, ความวุ่นวายทางภูมิรัฐศาสตร์, เศรษฐกิจที่ซบเซา และความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับผู้อพยพ
"พวกเราได้ร่วมกันสร้างยุคใหม่ให้กับพรรคแอลดีพี" ทาคาอิจิกล่าวที่สำนักงานใหญ่ของพรรคฯ หลังจากชนะการเลือกตั้งรอบสองเหนือชินจิโร โคอิซูมิ ผู้มีภาพลักษณ์ที่ดีและมีแนวคิดก้าวหน้าทางสังคม
"เราทุกคนต้องร่วมมือกันทุกยุคทุกสมัยและทำงานเป็นหนึ่งเดียวเพื่อสร้างพรรคขึ้นมาใหม่ ซึ่งทุกคนจะต้องทำงานอย่างหนัก" เธอกล่าวท่ามกลางเสียงปรบมือ
ทั้งนี้ ผู้พ่ายแพ้อย่างโคอิซูมิ วัย 44 ปี ได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุดของญี่ปุ่นในยุคปัจจุบัน และเป็นตัวแทนของการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญสำหรับพรรคแอลดีพี
หนึ่งในหน้าที่แรกอย่างเป็นทางการของทาคาอิจิในฐานะนายกรัฐมนตรีคือการให้การต้อนรับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกาซึ่งมีรายงานว่าจะแวะพักที่ญี่ปุ่นในช่วงปลายเดือนตุลาคม
ทาคาอิจิกล่าวเมื่อวันเสาร์ว่าเธอไม่มีแผนที่จะยกเลิกข้อตกลงการค้าล่าสุดระหว่างรัฐบาลโตเกียวกับวอชิงตันซึ่งยังคงมีข้อขัดข้องที่ยังไม่ลงตัว
ทาคาอิจิเป็นผู้วิพากษ์วิจารณ์อย่างแข็งกร้าวต่อการเสริมกำลังทางทหารของจีนและไปเยือนศาลเจ้ายาสุกุนิเป็นประจำ ดังนั้นการแต่งตั้งเธอเป็นผู้นำรัฐบาลโตเกียวคนใหม่อาจทำให้รัฐบาลปักกิ่งและโซลรู้สึกไม่พอใจ
กระทรวงต่างประเทศจีนตอบโต้ชัยชนะของเธอโดยระบุในการแถลงว่า "หวังว่าญี่ปุ่นจะยึดมั่นพันธกรณีทางการเมืองในประเด็นสำคัญๆ เช่น ประวัติศาสตร์และไต้หวัน รวมทั้งดำเนินนโยบายเชิงบวกและมีเหตุผลต่อจีน"
อย่างไรก็ตาม ภารกิจหลักของสมาชิกพรรคแอลดีพีผู้นี้คือการฟื้นฟูฐานะของพรรคฯซึ่งบริหารประเทศมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 1955
ชิเงรุ อิชิบะ อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้เข้ารับตำแหน่งเมื่อปีที่แล้ว แต่พรรคร่วมรัฐบาลที่นำโดยพรรคแอลดีพีของเขาสูญเสียเสียงข้างมากในทั้งสองสภา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความโกรธแค้นของผู้มีสิทธิเลือกตั้งต่อภาวะเงินเฟ้อและเรื่องอื้อฉาวกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของพรรคฯเอง
พรรคเล็กพรรคหนึ่งที่กำลังมาแรงคือซันเซโตะ ที่มีนโยบายสะท้อนถึงขบวนการประชานิยมอื่นๆ ที่เรียกผู้อพยพว่าเป็น "การรุกรานเงียบๆ" และกล่าวโทษผู้อพยพหน้าใหม่ว่าเป็นต้นเหตุของปัญหาต่างๆในประเทศ
ทาคาอิจิกล่าวถึงประเด็นนี้ระหว่างการรณรงค์หาเสียงของพรรคฯว่า ญี่ปุ่นควรพิจารณานโยบายที่อนุญาตให้ผู้ที่มีวัฒนธรรมและภูมิหลังที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเข้ามาอยู่ในประเทศ
ปัจจุบัน ประชากรที่เกิดในต่างประเทศมีเพียงร้อยละ 3 เท่านั้น และด้วยประเทศมีประชากรสูงอายุมากขึ้น ญี่ปุ่นจึงต้องการแรงงานต่างชาติอย่างมาก
โทโมยูกิ มิชินะ อายุ 39 ปี พนักงานบริษัทอสังหาริมทรัพย์คนหนึ่งกล่าวว่า "เนื่องจากจำนวนประชากรญี่ปุ่นลดลง เราจึงจำเป็นต้องยอมรับชาวต่างชาติ แต่ฉันหวังว่านักการเมืองจะพิจารณาถึงวิธีการยอมรับคนเหล่านั้น"
ในด้านเศรษฐกิจ ทาคาอิจิเคยสนับสนุนการผ่อนคลายทางการเงินอย่างเข้มงวดและการใช้จ่ายงบประมาณจำนวนมาก ซึ่งสะท้อนถึงแนวทางของอดีตนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ผู้เป็นที่ปรึกษาของเธอ
การที่ทาคาอิจิมาจากฝ่ายอนุรักษนิยมของพรรคแอลดีพี การเฉลิมฉลองที่ในที่สุดผู้หญิงก็ได้เป็นผู้นำญี่ปุ่นอาจกลายเป็นความผิดหวังในไม่ช้า
"ทาคาอิจิไม่สนใจสิทธิสตรีหรือนโยบายความเท่าเทียมทางเพศ" ยูกิ สึจิ ศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองและเพศสภาพของมหาวิทยาลัยโตไก กล่าวกับเอเอฟพี
ทาคาอิจิคัดค้านการแก้ไขกฎหมายในศตวรรษที่ 19 ที่บังคับให้คู่สมรสต้องมีนามสกุลเดียวกัน และยังคัดค้านการแต่งงานของคนเพศเดียวกันอีกด้วย ซึ่งทำให้หลายคนเชื่อว่าแนวทางทางการเมืองที่ผูกขาดความอนุรักษนิยมจะส่งผลให้การเลือกปฏิบัติในประเทศยังคงมีอยู่ต่อไป.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นักวิชาการสิ่งแวดล้อม แนะการแสดงออกของผู้นำในภาวะวิกฤติ ทำอย่างไรได้ใจประชาชน
นายกรัฐมนตรีของไทยลงพื้นที่เยี่ยมประชาชนถูกน้ำท่วมใหญ่ที่ อ. หาดใหญ่ จ.สงขลา กล่าวขอโทษประ ชาชนที่ผิดพลาดจะเร่งฟื้นฟูใหม่โดยเร็ว


