นายกรัฐมนตรีแคนาดาเข้าพบประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ทำเนียบขาว เพื่อหารือเกี่ยวกับการผ่อนคลายภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของแคนาดาและความนิยมของตนเอง

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา พบปะกับนายกรัฐมนตรีมาร์ก คาร์นีย์ ของแคนาดา ณ ห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาว ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม (Photo by Jim WATSON / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันอังคารที่ 7 ตุลาคม 2568 กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีมาร์ก คาร์นีย์ ของแคนาดาเดินทางเยือนสหรัฐอเมริกาและเข้าพบกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ทำเนียบขาว
คาร์นีย์มาเยือนทำเนียบขาวเป็นครั้งที่สองนับตั้งแต่เดือนเมษายน ในสถานการณ์ที่ต่างจากพันธมิตรอื่นๆ ของสหรัฐฯ เนื่องจากแคนาดายังคงไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกับรัฐบาลวอชิงตันเพื่อลดความตึงเครียดจากสงครามการค้าของทรัมป์
อดีตผู้ว่าการธนาคารกลางวัย 60 ปีผู้นี้เข้าสู่วงการการเมืองเมื่อไม่ถึงปี แต่ปัจจุบันกำลังเผชิญกับคำวิพากษ์วิจารณ์ภายในประเทศที่เพิ่มมากขึ้น ในขณะที่เขาเองเคยรณรงค์หาเสียงเกี่ยวกับประสบการณ์อันยาวนานในการบริหารจัดการวิกฤตของเขา
ก่อนหน้านั้น ทรัมป์กล่าวเมื่อถูกถามเกี่ยวกับการเยือนของคาร์นีย์ว่า "ผมเดาว่าเขาคงจะถามเกี่ยวกับภาษีศุลกากร เพราะบริษัทจำนวนมากจากแคนาดากำลังย้ายเข้ามาในสหรัฐฯ"
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ วัย 79 ปีผู้นี้ยังได้ย้ำถึงความปรารถนาที่จะทำให้แคนาดาเป็น "รัฐที่ 51" ซึ่งเป็นประเด็นที่ก่อให้เกิดความตึงเครียดก่อนการเดินทางครั้งก่อนของผู้นำแคนาดา
รัฐบาลแคนาดาระบุว่า คาร์นีย์มุ่งฟื้นฟูความสัมพันธ์ทวิภาคีและหารือเกี่ยวกับลำดับความสำคัญร่วมกันในความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและความมั่นคงรูปแบบใหม่ระหว่างแคนาดาและสหรัฐอเมริกา
ที่ต่างจากพันธมิตรอื่นๆ ของสหรัฐฯ เช่น สหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรป คือแคนาดายังไม่ได้บรรลุข้อตกลงการค้าที่ครอบคลุมกับประเทศเพื่อนบ้านในอเมริกาเหนือแห่งนี้
สหรัฐฯ เป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจหลักของแคนาดา โดยสินค้าส่งออกของแคนาดา 75% ถูกขายผ่านพรมแดนทางใต้ และจีดีพีของแคนาดาลดลง 1.5% ในไตรมาสที่สอง ซึ่งยิ่งเพิ่มแรงกดดันทางเศรษฐกิจ
ทรัมป์ได้กำหนดอัตราภาษีศุลกากรสำหรับไม้แปรรูป, อลูมิเนียม, เหล็ก และรถยนต์ไปบ้างแล้ว โดยล่าสุดได้ประกาศอัตราภาษีศุลกากร 25% สำหรับรถบรรทุกหนัก เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน
ปัจจุบันการค้าส่วนใหญ่ยังคงได้รับการคุ้มครองโดย USMCA ซึ่งเป็นข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างสหรัฐฯ, แคนาดา และเม็กซิโก
แต่ข้อตกลงนี้อาจต้องล้มเลิกเพื่อเจรจาใหม่ในเร็วๆ นี้ เพราะทรัมป์ได้เรียกร้องให้มีการแก้ไขข้อตกลงที่จะเอื้อประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมของสหรัฐฯ
นายกรัฐมนตรีแคนาดากำลังเผชิญแรงกดดันอย่างหนักภายในประเทศให้บรรลุข้อตกลงกับสหรัฐให้ได้
"มาร์ค คาร์นีย์ไม่มีทางเลือก เขาต้องกลับจากวอชิงตันพร้อมความก้าวหน้า" แดเนียล เบลันด์ นักรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแมคกิลล์ในมอนทรีออลกล่าว พร้อมชี้ว่าภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมเป็นประเด็นสำคัญ
คาร์นีย์เผชิญกับคำวิจารณ์อย่างหนักจากการยอมประนีประนอมแต่กลับได้รับสิ่งตอบแทนเพียงเล็กน้อย
เมื่อปลายเดือนมิถุนายน คาร์นีย์ได้ยกเลิกภาษีที่พุ่งเป้าไปที่บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของอเมริกา ภายใต้แรงกดดันจากทรัมป์ซึ่งมองว่าเป็นการกระทำที่เกินขอบเขต นอกจากนี้เขายังยกเลิกภาษีนำเข้าหลายรายการที่รัฐบาลชุดก่อนกำหนดไว้
อย่างไรก็ดี สัปดาห์ที่แล้วทรัมป์ได้หยิบยกความเป็นไปได้ในการผนวกแคนาดาขึ้นอีกครั้งระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ต่อคณะทหารสหรัฐฯ โดยอ้างถึงความเป็นไปได้ที่แคนาดาจะเข้าร่วมในโครงการโล่ขีปนาวุธ "โกลเด้นโดม"
"แคนาดาโทรหาผมเมื่อสองสามสัปดาห์ก่อน พวกเขาต้องการเป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้ ซึ่งผมก็เลยบอกว่า ทำไมคุณไม่เข้าร่วมกับประเทศของเราและเป็นรัฐที่ 51 ล่ะ แล้วคุณจะได้มันฟรีๆ" ทรัมป์กล่าวอ้าง.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'น้ำท่วมหาดใหญ่' เพิ่มเงื่อนไขซักฟอก 'อนุทิน'
นายเทพไท เสนพงศ์ โพสต์คลิปพร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า น้ำท่วมหาดใหญ่ เพิ่มเงื่อนไขซักฟอกอนุทิน
SCB EIC ชี้ปี69อุตฯอาหารทะเลไทยเผชิญปัจจัยเสี่ยงทั้งภาษีทรัมป์-แข่งขันรุนแรง
SCB EIC มองอุตสาหกรรมอาหารทะเลของไทยในปี 2569 มีแนวโน้มเผชิญปัจจัยเสี่ยงด้านลบสูงขึ้น ทั้งจากอุปสงค์ที่อ่อนแอ ภาษีทรัมป์ และการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น

