อิสราเอล-ฮามาส ตกลงปล่อยตัวประกันและหยุดยิงภายใต้แผนของทรัมป์

อิสราเอลและฮามาสได้เห็นพ้องข้อตกลงปล่อยตัวตัวประกันที่ยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการยุติสงครามที่คร่าชีวิตผู้คนไปหลายหมื่นรายและก่อให้เกิดหายนะด้านมนุษยธรรม

ผู้ชุมนุมชูป้ายประกาศระหว่างการประท้วงเพื่อเรียกร้องให้หยุดยิงและดำเนินการนำตัวชาวอิสราเอลที่ถูกจับเป็นตัวประกันในฉนวนกาซากลับประเทศ ในกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล (Photo by Jack GUEZ / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 9 ตุลาคม 2568 กล่าวว่า อิสราเอลและกลุ่มฮามาสได้เห็นพ้องในข้อตกลงตามแผนสันติภาพ 20 ประการสำหรับฉนวนกาซาที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ประกาศเมื่อเดือนที่แล้ว โดยจะลงนามกันที่อียิปต์

ภายใต้ข้อตกลงนี้ อิสราเอลจะปล่อยตัวนักโทษชาวปาเลสไตน์หลายร้อยคนแลกกับตัวประกันที่เหลือ และจะมีการส่งความช่วยเหลือเข้าสู่ฉนวนกาซาเพิ่มขึ้นอย่างมาก หลังจากสงครามดำเนินมากว่าสองปีตั้งแต่เดือนตุลาคม 2023

กองทัพอิสราเอลกล่าวว่ากำลังเตรียมถอนกำลังทหารในฉนวนกาซา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลง

ในขั้นต่อไป แผนของทรัมป์เรียกร้องให้กลุ่มฮามาสปลดอาวุธ และให้กาซาอยู่ภายใต้การปกครองของหน่วยงานเปลี่ยนผ่านที่นำโดยประธานาธิบดีสหรัฐฯ เอง แม้ว่าประเด็นนี้จะยังไม่ได้รับการกล่าวถึงก็ตาม

แหล่งข่าวภายในฮามาสกล่าวกับเอเอฟพีว่า กลุ่มดังกล่าวจะแลกเปลี่ยนตัวประกันที่ยังมีชีวิตอยู่ 20 คนกับนักโทษชาวปาเลสไตน์เกือบ 2,000 คน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงระยะแรก โดยการแลกเปลี่ยนจะเกิดขึ้นภายใน 72 ชั่วโมงหลังจากการดำเนินการ

แหล่งข่าวกล่าวว่า กำหนดเวลาการดำเนินการจะประกาศในวันพฤหัสบดี ขณะที่ทรัมป์กล่าวว่าเขาเชื่อว่าตัวประกันทั้งหมดจะ "กลับมาทั้งหมดในวันจันทร์"

การประกาศดังกล่าวก่อให้เกิดคลื่นแห่งความสุขในฉนวนกาซาซึ่งส่วนใหญ่ถูกทำลายลงด้วยการทิ้งระเบิด และผู้อยู่อาศัยส่วนใหญ่ต้องพลัดถิ่นอย่างน้อยหนึ่งครั้งในช่วงสองปีที่ผ่านมา

"พูดตามตรง ตอนที่ผมได้ยินข่าวนี้ ผมกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ น้ำตาแห่งความสุขไหลรินออกมา สองปีแห่งการทิ้งระเบิด, ความหวาดกลัว, การทำลายล้าง, การสูญเสีย, ความอัปยศอดสู และความรู้สึกตลอดเวลาว่าเราอาจจะตายได้ทุกเมื่อ ตอนนี้ ในที่สุดเราก็รู้สึกเหมือนได้พักผ่อนสักที" ซาเมอร์ จูเดห์ ชาวปาเลสไตน์ผู้พลัดถิ่น กล่าวกับเอเอฟพี

ภาพจากเอเอฟพีเผยให้เห็นว่า ที่เมืองข่าน ยูนิส ทางตอนใต้ของฉนวนกาซา คนหนุ่มสาวร้องเพลง, เต้นรำ และปรบมือ หลังจากได้ยินข่าวนี้

ข้อตกลงดังกล่าวกำลังถูกถกเถียงกันในการเจรจาทางอ้อมแบบปิดประตูในศูนย์การประชุมแห่งหนึ่งในชาร์ม เอล-ชีค ซึ่งเป็นเมืองตากอากาศริมทะเลแดงของอียิปต์

ไม่มีความโอ่อ่าใดๆ เกี่ยวกับการหารือข้อตกลงก่อนหน้านี้ที่ตกลงกันในอียิปต์ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าปัญหาที่ลึกซึ้งกว่าในความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ยังไม่ได้รับการแก้ไข

กาตาร์กล่าวว่าข้อตกลงนี้เป็น "ระยะแรกของข้อตกลงหยุดยิงในฉนวนกาซา ซึ่งจะนำไปสู่การยุติสงคราม, การปล่อยตัวตัวประกันชาวอิสราเอลและนักโทษชาวปาเลสไตน์ และการให้ความช่วยเหลือ"

โดยตัวประกันเหล่านี้จะได้รับอิสรภาพเพื่อแลกกับชาวปาเลสไตน์ 250 คนที่ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต และอีก 1,700 คนที่ถูกอิสราเอลจับกุมนับตั้งแต่สงครามเริ่มต้นขึ้น

ฮามาสได้ยื่นรายชื่อนักโทษชาวปาเลสไตน์ที่ต้องการให้ปล่อยตัวจากเรือนจำอิสราเอลในช่วงแรกของการสงบศึก

ในทางกลับกัน ฮามาสจะปล่อยตัวตัวประกันที่เหลืออีก 47 คน ทั้งที่ยังมีชีวิตและเสียชีวิต ซึ่งถูกจับตัวไปเมื่อเดือนตุลาคม 2023

นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล กล่าวว่าเขาจะพาตัวประกันกลับบ้าน "ด้วยความช่วยเหลือจากพระเจ้า" และแหล่งข่าวอย่างเป็นทางการเสริมว่าคณะรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีจะประชุมกันในวันพฤหัสบดีเพื่ออนุมัติข้อตกลงนี้

ก่อนหน้านี้ ทรัมป์กล่าวว่าเขาอาจเดินทางไปยังตะวันออกกลางในสัปดาห์นี้ เนื่องจากข้อตกลงใกล้บรรลุแล้ว

ในอียิปต์ การเจรจาเกิดขึ้นภายใต้เงาของวันครบรอบสองปีการโจมตีของฮามาส ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1,219 รายในอิสราเอล

กลุ่มติดอาวุธยังได้จับตัวประกันเข้าไปในกาซาอีก 251 คน ซึ่งยังคงถูกคุมขังอยู่ 47 คน รวมถึง 25 รายที่กองทัพอิสราเอลระบุว่าเสียชีวิตแล้ว

ขณะที่ปฏิบัติการตอบโต้ของอิสราเอลในฉนวนกาซาได้คร่าชีวิตผู้คนอย่างน้อย 67,183 ราย ตามข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขในเขตปกครองของฮามาส

แรงกดดันจากทั่วโลกให้ยุติสงครามทวีความรุนแรงขึ้น โดยสหประชาชาติประกาศภาวะอดอยากในฉนวนกาซา และครอบครัวตัวประกันชาวอิสราเอลต่างเฝ้ารอการกลับมาของคนที่ตนรัก

การประท้วงปะทุขึ้นในหลายประเทศทั่วโลกในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา และการสอบสวนของสหประชาชาติเมื่อเดือนที่แล้วกล่าวหาอิสราเอลว่าก่ออาชญากรรมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ซึ่งรัฐบาลเทลอาวีฟปฏิเสธข้อกล่าวหาว่า "บิดเบือนและเป็นเท็จ"

กลุ่มฮามาสเองก็ถูกกล่าวหาว่าก่ออาชญากรรมสงครามและอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ

ทั้งนี้ กุญแจสำคัญประการหนึ่งของการเจรจาคือชื่อของนักโทษชาวปาเลสไตน์ที่ฮามาสเสนอ

มาร์วัน บาร์กูตี นักโทษชื่อดังจากขบวนการฟาตาห์ซึ่งเป็นคู่แข่งของฮามาส เป็นหนึ่งในนักโทษที่กลุ่มต้องการให้ได้รับการปล่อยตัว ตามรายงานของสื่อที่เชื่อมโยงกับรัฐบาลอียิปต์

นอกจากนี้ คาลิล อัล-ไฮยา ผู้เจรจาระดับสูงของฮามาสกล่าวว่า กลุ่มอิสลามิสต์ของเขาต้องการการรับประกันจากประธานาธิบดีทรัมป์และประเทศผู้สนับสนุนว่าสงครามจะยุติลงอย่างถาวร.