พันเอกทหารบกสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีมาดากัสการ์คนใหม่

ผู้บัญชาการหน่วยทหาร CAPSAT ซึ่งทำการยึดอำนาจในมาดากัสการ์ ทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีแล้ว พร้อมประกาศการปฏิรูปครั้งใหญ่

ไมเคิล รันเดรียนิรินา ประธานาธิบดีมาดากัสการ์ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่ง กำลังกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีสาบานตน ณ กรุงอันตานานาริโว เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม (Photo by Mamyrael / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันเสาร์ที่ 18 ตุลาคม 2568 กล่าวว่า หลังสิ้นสุดเหตุประท้วงต่อต้านรัฐบาลที่ยืดเยื้อมาหลายสัปดาห์ ล่าสุดพันเอกไมเคิล รันเดรียนิรินา ผู้บัญชาการหน่วยทหาร CAPSAT ซึ่งเข้ายึดอำนาจและทำให้อดีตประธานาธิบดีอันดรี ราโจเอลินาต้องหลบหนีไปต่างประเทศ ได้เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีมาดากัสการ์คนใหม่แล้ว พร้อมประกาศการปฏิรูปครั้งใหญ่ทันที

"วันนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนทางประวัติศาสตร์ของประเทศเรา" รันเดรียนิรินากล่าวหลังพิธีสาบานตนฯ ซึ่งพันเอกวัย 51 ปีผู้นี้เปลี่ยนเครื่องแบบทหารเป็นชุดสูท

เขาสัญญาว่าจะเปลี่ยนแปลงประเทศเกาะที่ยากจนแห่งนี้ ซึ่งความโกรธแค้นจากการขาดแคลนไฟฟ้าเรื้อรังได้จุดชนวนให้เกิดการประท้วงเมื่อเดือนที่แล้ว และลุกลามกลายเป็นการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่อย่างรวดเร็ว

"เราจะร่วมมือกับทุกพลังขับเคลื่อนของประเทศเพื่อร่างรัฐธรรมนูญที่ดี และตกลงกันเกี่ยวกับกฎหมายการเลือกตั้งฉบับใหม่สำหรับการจัดการเลือกตั้งและการลงประชามติ" รันเดรียนิรินากล่าว และเสริมว่าภารกิจหลักคือการปฏิรูประบบการปกครอง, เศรษฐกิจ, สังคม และการเมืองของประเทศอย่างทั่วถึง พร้อมสัญญาว่าจะปรึกษาหารือกับคนรุ่นใหม่ก่อนที่จะจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่

เขายังกล่าวขอบคุณคนรุ่นใหม่ที่เป็นแกนนำในการประท้วงขับไล่ราโจเอลินา และกล่าวว่ากองทัพได้เข้าแทรกแซงตามคำขอของศาลสูงสุดเพื่อหลีกเลี่ยงความโกลาหลและความวุ่นวาย

พิธีที่กรุงอันตานานาริโว มีเจ้าหน้าที่ทหาร, นักการเมือง, ตัวแทนจากขบวนการประท้วงที่นำโดยกลุ่มคนรุ่น Gen Z และคณะผู้แทนจากต่างประเทศหลายประเทศเข้าร่วม รวมถึงจากสหรัฐอเมริกา, สหภาพยุโรป, รัสเซีย และอดีตเจ้าอาณานิคมฝรั่งเศส

เมื่อเผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากนานาชาติ รันเดรียนิรินากระตือรือร้นที่จะประกาศบทบาทใหม่อย่างเป็นทางการ และยืนยันว่าการเข้ายึดอำนาจครั้งนี้ไม่ใช่การรัฐประหาร โดยชี้ให้เห็นถึงการสนับสนุนจากศาลรัฐธรรมนูญ

ในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง ผู้นำคนใหม่ได้กล่าวปราศรัยต่อคณะผู้แทนต่างประเทศเป็นภาษาฝรั่งเศส พร้อมเชิญชวนให้พวกเขาร่วมเดินทางไปกับมาดากัสการ์ในกระบวนการกำกับดูแลและดำเนินการฟื้นฟูประเทศ

สื่อท้องถิ่นรายงานว่า รันเดรียนิรินา ได้พบปะกับคณะผู้แทนรัสเซียแล้วเมื่อวันพฤหัสบดี

"การที่ประชาคมโลกปรากฏตัวจำนวนมากที่นี่แสดงให้เห็นว่าพวกเขาเคารพอธิปไตยของชาติเรา" เขากล่าวกับสื่อมวลชน

สหภาพยุโรปกล่าวว่ากำลังติดตามเหตุการณ์อย่างใกล้ชิดและเรียกร้องให้มีการเจรจาเพื่อส่งเสริมการกลับคืนสู่ประชาธิปไตยในประเทศ

อย่างไรก็ตาม ผู้สนับสนุนของอดีตประธานาธิบดีราโจเอลินาประณามการสนับสนุนผู้บัญชาการ CAPSAT ของศาลรัฐธรรมนูญว่าเต็มไปด้วยความไม่ชอบด้วยกระบวนการที่เสี่ยงต่อการทำลายเสถียรภาพของประเทศ

พวกเขายืนยันว่าราโจเอลินายังคงเป็นผู้นำและกำลังดำเนินการเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาที่กัดกร่อนประเทศ

ทั้งนี้ กองกำลังของรัฐบาลถูกกล่าวหาว่าปราบปรามผู้ประท้วงอย่างรุนแรง โดยมีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บจำนวนมาก จนกระทั่ง CAPSAT ประกาศเมื่อวันที่ 11 ตุลาคมว่าจะปฏิเสธคำสั่งยิงของฝ่ายบริหาร ซึ่งเหตุการณ์นี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนของการลุกฮือ

สำนักงานของราโจเอลินายืนยันในแถลงการณ์เมื่อค่ำวันพุธว่าเขาได้หลบหนีออกนอกประเทศแล้ว แม้ว่าเขาจะยังไม่ได้เปิดเผยที่อยู่ของเขาก็ตาม

รายงานข่าวระบุว่า ชายวัย 51 ปีรายนี้เร่งอพยพเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยเครื่องบินทหารฝรั่งเศสที่พาเขาไปยังเกาะเรอูนียงของฝรั่งเศส ซึ่งเขาใช้เดินทางต่อไปยังดูไบ

การช่วงชิงอำนาจครั้งนี้เป็นการเปลี่ยนผ่านทางทหารครั้งที่สามในมาดากัสการ์นับตั้งแต่ได้รับเอกราชในปี 1960 ต่อจากเหตุการณ์รัฐประหารในปี 1972 และ 2009

นับเป็นอดีตอาณานิคมของฝรั่งเศสในแอฟริกาล่าสุดที่ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของกองทัพนับตั้งแต่ปี 2020 ต่อจากเหตุการณ์รัฐประหารในมาลี, บูร์กินาฟาโซ, ไนเจอร์, กาบอง และกินี

มาดากัสการ์ซึ่งอยู่นอกชายฝั่งประเทศโมซัมบิก เป็นหนึ่งในประเทศที่ยากจนที่สุดในโลก โดยประชากรประมาณ 80% จากทั้งหมด 32 ล้านคนมีฐานะยากจน แม้จะมีทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพที่อุดมสมบูรณ์ก็ตาม

สหภาพแอฟริกาและกลุ่มประเทศสมาชิกระดับภูมิภาค SADC กล่าวว่าพวกเขาจะส่งคณะผู้แทนตรวจสอบข้อเท็จจริงไปยังประเทศนี้ และเรียกร้องให้มีการรักษาระบอบประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ผู้อพยพหนาว…'โดนัลด์ ทรัมป์' ประกาศจะผลักดันหลายล้านคนออกนอกประเทศ

ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ มีแผนจะเนรเทศผู้อพยพที่ไม่เข้าหลักเกณฑ์จำนวนนับล้านคน ในการกล่าวสุนทรพจน์ครั้งแรกของเข