อย่างเป็นทางการ! ซานาเอะ ทาคาอิจิได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของญี่ปุ่น

ญี่ปุ่นได้นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกอย่างเป็นทางการ หลังจากซานาเอะ ทาคาอิจิได้บรรลุข้อตกลงจัดตั้งรัฐบาลผสมในช่วงนาทีสุดท้าย

ซานาเอะ ทาคาอิจิ หัวหน้าพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ยืนขึ้นเพื่อรับเสียงปรบมือหลังจากได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่น ในการประชุมสมัยวิสามัญของสภาผู้แทนราษฎรในกรุงโตเกียว เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม (Photo by Philip FONG / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันอังคารที่ 21 ตุลาคม 2568 กล่าวว่า ซานาเอะ ทาคาอิจิ นักการเมืองอนุรักษนิยมได้บรรลุข้อตกลงจัดตั้งรัฐบาลผสมในช่วงนาทีสุดท้าย ก่อนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศ

เธอจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 5 ของญี่ปุ่นในรอบหลายปีและจะเป็นผู้นำรัฐบาลเสียงข้างน้อยพร้อมกับภาระหนักอึ้งของประเทศที่รออยู่ โดยภารกิจสำคัญอย่างแรกเลยคือการต้อนรับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ที่มีกำหนดจะมาเยือนในสัปดาห์หน้า

สภาผู้แทนราษฎรได้แต่งตั้งทาคาอิจิผู้ซึ่งชื่นชมมาร์กาเร็ต แทตเชอร์ ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หลังจากที่เธอได้รับเสียงข้างมากอย่างไม่คาดคิดในการลงคะแนนเสียงรอบแรก

หญิงวัย 64 ปีผู้นี้ซึ่งมีบุคลิกขึงขังจริงจัง ยืนขึ้นโค้งคำนับสมาชิกสภานิติบัญญัติหลายครั้ง

จากนั้นสภาสูงได้ลงมติเห็นชอบเธอ แม้ว่าจะเป็นการลงมติรอบสองหลังจากที่ทาคาอิจิได้เสียงข้างมากไม่ถึงเกณฑ์ โดยทาคาอิจิจะเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการหลังจากเข้าเฝ้าสมเด็จพระจักรพรรดิในภายหลัง

ทาคาอิจิเพิ่งได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลที่บริหารประเทศมาอย่างต่อเนื่องยาวนานหลายทศวรรษ แต่กำลังสูญเสียการสนับสนุน

หกวันต่อมา พรรคโคเมโตะซึ่งไม่สบายใจกับมุมมองอนุรักษนิยมของทาคาอิจิและเรื่องอื้อฉาวกองทุนลับของพรรค LDP ได้ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล

เหตุการณ์นี้บีบให้ทาคาอิจิต้องจัดตั้งพันธมิตรกับพรรคนวัตกรรมญี่ปุ่น (JIP) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายปฏิรูปและมีแนวโน้มขวาจัด ซึ่งได้ลงนามไปเมื่อเย็นวันจันทร์

JIP ต้องการลดอัตราภาษีการบริโภคอาหารให้เป็นศูนย์, ยกเลิกการบริจาคของบริษัทและองค์กร และลดจำนวนสมาชิกรัฐสภา

ทาคาอิจิให้คำมั่นว่าจะทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นแข็งแกร่งขึ้นและปรับเปลี่ยนญี่ปุ่นให้เป็นประเทศที่สามารถรับผิดชอบต่อคนรุ่นต่อไปได้

เธอยังให้คำมั่นว่าจะจัดตั้งคณะรัฐมนตรีที่มีจำนวนผู้หญิงในระดับมาตรฐานสูง ให้เพิ่มขึ้นจากสมัยนายกรัฐมนตรีคนก่อน

สื่อท้องถิ่นรายงานว่า บุคคลเหล่านี้อาจรวมถึง ซัตสึกิ คาตายามะ ฝ่ายขวาที่รับผิดชอบด้านการเงิน และคิมิ โอโนดะ ผู้มีเชื้อสายอเมริกันครึ่งหนึ่งและอาจดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงทางเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ ญี่ปุ่นอยู่ในอันดับที่ 118 จากทั้งหมด 148 ประเทศในรายงานความเหลื่อมล้ำทางเพศโลกประจำปี 2025 ของฟอรัมเศรษฐกิจโลก โดยมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพียง 15% ที่เป็นผู้หญิง และคณะกรรมการบริหารของบริษัทส่วนใหญ่ส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย

ทาคาอิจิกล่าวว่าเธอหวังที่จะสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับปัญหาสุขภาพของผู้หญิง และได้เปิดเผยอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับประสบการณ์ของเธอเองในวัยหมดประจำเดือน

แต่เธอคัดค้านการแก้ไขกฎหมายในศตวรรษที่ 19 ที่กำหนดให้คู่สมรสต้องมีนามสกุลเดียวกัน และต้องการให้ราชวงศ์ยึดมั่นในการสืบราชสันตติวงศ์โดยผู้ชายเท่านั้น

ทางด้านประเด็นทางเศรษฐกิจ รายละเอียดเกี่ยวกับการลงทุนมูลค่า 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐที่ญี่ปุ่นเสนอซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงการค้ากับวอชิงตันเองก็ยังไม่ชัดเจน

ทรัมป์ยังต้องการให้รัฐบาลโตเกียวยุติการนำเข้าพลังงานจากรัสเซียและเพิ่มการใช้จ่ายด้านกลาโหม

นอกจากนี้ ความท้าทายอื่นๆ ของทาคาอิจิยังมีประเด็นด้านการฟื้นตัวจากการลดลงของประชากรญี่ปุ่น และการเติมพลังให้กับเศรษฐกิจที่กำลังซบเซา

เนื่องจากเป็นเสียงข้างน้อยในทั้งสองสภา รัฐบาลผสมชุดใหม่นี้จึงจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากพรรคอื่นๆ เพื่อผลักดันกฎหมายในอนาคต

ทาคาอิจิเคยสนับสนุนการผ่อนคลายนโยบายการเงินเชิงรุกและการขยายการใช้จ่ายของรัฐบาล ซึ่งสะท้อนถึงอดีตนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ผู้เป็นที่ปรึกษาของเธอ

ก่อนหน้านี้ เธอเคยกล่าวว่า "จีนดูถูกญี่ปุ่นอย่างสิ้นเชิง" และ "โตเกียวต้องจัดการกับภัยคุกคามด้านความมั่นคงที่เกิดจากปักกิ่ง" พร้อมกับเรียกร้องให้มีความร่วมมือด้านความมั่นคงกับไต้หวันมากขึ้น

แต่หลังจากนั้น เธอได้ลดระดับวาทกรรมของเธอลง และเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เธอได้หลีกเลี่ยงการไปศาลเจ้ายาสุกุนิ (ซึ่งเธอเคยไปเป็นประจำ) ที่เป็นการให้เกียรติแก่ทหารญี่ปุ่นที่เสียชีวิตในสงคราม

นอกจากนี้ทาคาอิจิจะอยู่ภายใต้แรงกดดันให้ฟื้นฟูฐานะของพรรค LDP หลังจากผลการเลือกตั้งที่ย่ำแย่อย่างต่อเนื่องจนทำให้อดีตนายกฯอิชิบะต้องเสียตำแหน่ง.

เพิ่มเพื่อน