การประชุมสุดยอดระหว่างทรัมป์และปูตินที่บูดาเปสต์ถูกเลื่อนออกไป

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ระงับแผนการพบปะกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินที่บูดาเปสต์ เนื่องจากความพยายามยุติสงครามในยูเครนยังคงเผชิญอุปสรรค

เสื้อยืดที่มีรูปประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียและประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ วางขายอยู่ที่ร้านขายของที่ระลึกบนถนนอาร์บัต ย่านใจกลางกรุงมอสโก (Photo by Olesya KURPYAYEVA / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพุธที่ 22 ตุลาคม 2568 กล่าวว่า แผนการพบปะเจรจายุติสงครามยูเครนระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ที่คาดหมายว่าจะจัดขึ้นในกรุงบูดาเปสต์ของฮังการี ถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด เนื่องจากไม่มีความคืบหน้าเรื่องจุดยืนของรัสเซีย

ทรัมป์กล่าวเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาว่าเขาจะพบกับปูตินภายในสองสัปดาห์ ขณะเดียวกันก็กดดันให้ยูเครนยอมสละพื้นที่ดอนบาสตะวันออกเพื่อแลกกับสันติภาพ

แต่บัดนี้ทรัมป์ได้กลับลำอย่างกะทันหันอีกครั้งในความพยายามยุติการรุกรานของรัสเซียที่กินเวลานานสามปีครึ่ง โดยมีรายงานว่ารัสเซียยังคงยึดมั่นในข้อเรียกร้องทั้งหมด แม้ว่าผู้นำสหรัฐฯได้โทรศัพท์พูดคุยกับปูตินเมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็ตาม

"ไม่มีกำหนดการที่ประธานาธิบดีทรัมป์จะพบกับประธานาธิบดีปูตินในอนาคตอันใกล้นี้" เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวคนหนึ่งกล่าวกับเอเอฟพี

มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ และเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียก็ได้ยกเลิกการประชุมที่คาดว่าจะจัดขึ้นเพื่อเตรียมการก่อนการประชุมสุดยอดของสองผู้นำที่บูดาเปสต์ หลังจากพูดคุยทางโทรศัพท์เมื่อวันจันทร์

"ไม่จำเป็นต้องมีการประชุมแบบพบหน้าเพิ่มเติมระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศทั้งสองแล้วเช่นกัน แค่การคุยทางโทรศัพท์ก็มีประสิทธิภาพเพียงพอแล้ว" เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวกล่าว

รัฐบาลมอสโกเองก็แถลงเมื่อวันอังคารว่ายังไม่มีกำหนดการประชุมครั้งใหม่ที่แน่ชัดระหว่างทรัมป์และปูติน ซึ่งได้หารือกันครั้งนึงแล้วที่อะแลสกาในเดือนสิงหาคมแต่ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับยูเครนได้

ทรัมป์แสดงความไม่พอใจต่อปูตินมากขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าเขาจะบอกว่าเป็นเรื่องของความสัมพันธ์ส่วนตัว แต่หลังจากพบกับเซเลนสกีที่ทำเนียบขาวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ดูเหมือนจะหันกลับไปหารัสเซียอีกครั้ง

เจ้าหน้าที่อาวุโสของยูเครนคนหนึ่งให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพีว่า เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ผู้นำสหรัฐฯ กดดันเซเลนสกีระหว่างการเจรจาที่ตึงเครียดให้ยอมยกดินแดนดอนบาสให้รัสเซีย

แหล่งข่าวเสริมว่าการเจรจากับทรัมป์ไม่ง่าย และความพยายามทางการทูตเพื่อยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครนรู้สึกเหมือนถูกลากยาวและวนเวียนอยู่กับที่

ทรัมป์เรียกร้องเมื่อสัปดาห์ที่แล้วให้ทั้งมอสโกและเคียฟยุติสงคราม ณ แนวรบปัจจุบัน และไม่ได้กล่าวต่อสาธารณะถึงการที่เคียฟต้องยอมสละดินแดน

เซเลนสกีออกจากการประชุมโดยไม่ได้อะไรเลย หลังจากที่ทรัมป์ซึ่งได้พูดคุยกับปูตินเมื่อวันก่อน ปฏิเสธคำขอขีปนาวุธโทมาฮอว์กพิสัยไกลและกดดันให้ผู้นำยูเครนยอมทำข้อตกลงโดยไม่มีเงื่อนไข

ยูเครนถือว่าดอนบาสซึ่งเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมพื้นที่ทางตะวันออกของลูฮันสค์และโดเนตสค์ เป็นดินแดนที่แยกออกจากกันไม่ได้ และได้ปฏิเสธแนวคิดที่จะยกดินแดนนี้หลายครั้ง

ในขณะเดียวกัน บรรดาผู้นำยุโรปได้ปฏิเสธแนวคิดที่จะให้ยูเครนยอมสละดินแดน แต่กลับเห็นด้วยกับข้อเสนอให้การสู้รบถูกระงับไว้ในแนวหน้าปัจจุบัน

ในแถลงการณ์ร่วมที่เผยแพร่เมื่อวันอังคาร ผู้นำหลายท่าน รวมถึง เอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส, จอร์เจีย เมโลนี ของอิตาลี และเคียร์ สตาร์เมอร์ ของอังกฤษ เตือนว่ารัสเซียไม่ได้จริงจังกับสันติภาพ

"เราสนับสนุนจุดยืนของประธานาธิบดีทรัมป์อย่างยิ่งว่าการสู้รบควรยุติลงทันที และแนวการติดต่อในปัจจุบันควรเป็นจุดเริ่มต้นของการเจรจา" แถลงการณ์ระบุ

เซเลนสกีซึ่งกำลังผลักดันให้ตัวเองได้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดใดๆ หลังจากถูกปิดกั้นไม่ให้เข้าร่วมการประชุมระหว่างทรัมป์กับปูตินที่อะแลสกา ได้ปฏิเสธการยอมประนีประนอมดินแดน

ปูตินสั่งการบุกยูเครนอย่างเต็มรูปแบบในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 โดยอธิบายว่าเป็น "ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร" เพื่อปลดอาวุธยูเครนและป้องกันการขยายตัวของนาโต

ปัจจุบันรัสเซียยึดครองดินแดนของยูเครนประมาณหนึ่งในห้า ซึ่งส่วนใหญ่ถูกทำลายจากการสู้รบ ขณะที่พลเรือนและทหารเสียชีวิตไปแล้วหลายหมื่นราย

ล่าสุด หน่วยบริการฉุกเฉินของยูเครนรายงานว่า การโจมตีด้วยโดรนของรัสเซียเมื่อเช้าวันอังคารที่เมืองนอฟโกรอด-ซีเวอร์สกี ในเขตเชอร์นิกิฟ ทางตอนเหนือของยูเครน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ทำไม ‘ดอนบาส’ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับยูเครน

อนาคตของภูมิภาคดอนบาสยังคงเป็นประเด็นสำคัญในการเจรจาเรื่องยูเครนในกรุงเบอร์ลิน ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน-ผู้นำเครมลิน เรี